Leopard (เลียวพาร์ด) แบรนด์น้องใหม่ในสังกัดของ BYD (บีวายดี) ได้เปิดตัว Leopard 5 รถ SUV ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในลำดับที่ 5 อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้เผยรูปตัวรถออกมาในช่วงเดือนมิถุนายน พร้อมจำหน่ายในประเทศจีน
สำหรับ BYD Leopard 5 นับว่าเป็นรถ SUV รุ่นแรกของแบรนด์ Leopard หรือ Fang Cheng (方程) ที่ขายในจีนใช้ชื่อ Bao 5 (豹5) และอาจใช้ชื่อว่ารุ่นที่ส่งออกไปขายในต่างประเทศว่า Super 5 ใช้ Design Language ที่เรียกว่า “Leopard Power Aesthetics”
รูปโฉมภายนอกใช้กระจังหน้าสีดำทรงตารางเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีแถบไฟบน-ล่าง พร้อมติดตั้งกล้องบริเวณด้านล่างตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ ชุดไฟหน้าแบบ Matrix พร้อมแถบไฟ LED 2 เส้น บน-ล่าง พร้อมกันชนหน้าขนาดใหญ่ตกแต่งสีเงิน กับไฟตัดหมอกทรงกลมขนาดเล็ก
ด้านข้างตัวรถเน้นตัวถังเหลี่ยมสัน คล้ายรถออฟโรดในอดีต กับซุ้มล้อพลาสติกสีดำทรงเหลี่ยม ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ใส่ยาง All-Terrain จาก BF Goodrich ขนาด 265/55 R18 พร้อมกาบข้างประตูสีดำ แร็คหลังคาสีดำ
และติดตั้งกล้องที่ด้านหลังซุ้มล้อหน้า 2 ฝั่ง ส่วนด้านท้ายใช้ชุดไฟท้ายแบบ LED พร้อมติดตั้งยางอะไหล่กับฝาครอบล้อกลางประตูบานหลัง กันชนท้ายขนาดใหญ่ กับตะขอลาก 2 จุด อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี V2L ปล่อยกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอกได้
มิติตัวรถยาว 4,890 มม. กว้าง 1,970 มม. สูง 1,920 มม. และระยะฐานล้อ 2,800 มม. กับระยะต่ำสุดจากพื้น 220 มม. นอกจากนี้ยังมีมุมเข้า 35 องศา และมุมจาก 32 องศา
ห้องโดยสารภายในนั่งได้ 5 ที่นั่ง ออกแบบแผงแดชบอร์ดทรงเหลี่ยมสไตล์ออฟโรด แต่ก็พ่วงด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มาพร้อมหน้าจอถึง 3 จอ เริ่มจากหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงท้ายตัด
ส่วนจอตรงกลางเป็นหน้าจอควบคุมส่วนกลาง และ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว และหน้าจอผู้โดยสารขนาด 12.3 นิ้ว อีกทั้งยังติดตั้งจอ AR-HUD ขนาดใหญ่ถึง 50 นิ้ว
ส่วนคอนโซลกลางออกแบบให้มีขนาดใหญ่ มาพร้อมคันเกียร์ทรงแก้วคริสตัล ทรงคันบังคับเครื่องบิน พร้อมปุ่มสั่งการต่างๆ รวมถึงช่องเก็บของ ช่องเชื่อมต่อ USB 2 จุด และแบบ Type-C 1 จุด และมีแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนได้ 2 เครื่อง
นอกจากนี้ยังมีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ กระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่ง ระบบน้ำหอมอัจฉริยะ ชุดเครื่องเสียงจาก Devialet พร้อมลำโพง 18 ตำแหน่ง และมีเซ็นเซอร์ Face ID ที่เสา A ฝั่งคนขับ พร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับ L2
ส่วนขุมพลังมาพร้อมระบบไฮบริดใหม่ เรียกว่า DMO (Dual Mode Off-Road) มาพร้อมระบบควบคุมตัวถังไฮดรอลิกอัจฉริยะ Cloud-P ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Turbo ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 273 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ในเวลา 4.8 วินาที
ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าไฟฟ้าคู่ โดยมอเตอร์คู่หน้าให้กำลังสูงสุด 268 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังให้กำลังสูงสุด 385 แรงม้า พร้อมกับตัวล็อกเฟืองท้าย 3 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุด 680 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 760 นิวตัน-เมตร บนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ส่วนชุดแบตเตอรี่จะมีขนาดความจุอยู่ที่ 31.8 kWh วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ระยะทางไกลถึง 125 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC) พร้อมรองรับการชาร์จไฟแบบ DC ให้กำลังไฟจาก 30 - 80% ในเวลาเพียง 16 นาที เท่านั้น หากน้ำมันเต็มถัง แบตเตอรี่ชาร์จเต็ม จะวิ่งได้ระยะทางสูงถึง 1,200 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC)
สำหรับ Leopard 5 มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ในราคา 289,800 – 352,800 หยวน หรือประมาณ 1,427,000 – 1,737,000 บาท