เมื่อเร็วๆ นี้ ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD (บีวายดี) และ Hyundai (ฮุนได) ได้ตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งการตลาดด้วยการส่งรถ BYD Dolphin (บีวายดี ดอลฟิน) และ Hyundai Kona (ฮุนได โคน่า) ซึ่งหลายคนมีความคิดเห็นในเชิงบวกและเชิงลบเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า
แต่เนื่องจากราคาน้ำมันในญี่ปุ่นคงอยู่ในระดับสูง จึงไม่ต้องสงสัยว่า รถยนต์ไฟฟ้ากำลังดึงดูดความสนใจจากชาวญี่ปุ่นมากขึ้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ รถ EV ที่น่าสนใจ 2 รุ่นได้มาถึงญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งทั้งสองคันมีขนาดกะทัดรัด และราคาสมเหตุสมผล โดย BYD Dolphin ราคาเริ่มต้นที่ 3,630,000 เยน (หรือประมาณ 859,000 บาท) และ Hyundai Kona ราคาเริ่มต้นที่ 3,993,000 เยน (หรือประมาณ 945,000 บาท) ซึ่งแน่นอนว่ามีราคาไม่แพงมาก เมื่อคำนึงถึงเงินอุดหนุน
ทุกวันนี้รถ EV มีอยู่ทั่วไปในญี่ปุ่น ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต่างไปจากแต่เดิมที่รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้ ผู่คนเริ่มให้ความสนใจตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าระดับสมรรถนะสูงราคาแพง โดยเฉพาะแบรนด์จากยุโรป แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้เจาะจง ว่าต้องใช้รถ EV แบรนด์ญี่ปุ่น หรือรถที่ผลิตในต่างประเทศ
เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เครื่องแต่งกาย ฯลฯ ถ้ารูปลักษณ์และประสิทธิภาพดีพอ และราคาต่ำ ก็เป็นเรื่องปกติที่คนจะหันมาใช้ มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลย
สำหรับ BYD Dolphin ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน และ Hyundai Kona จัดเป็นแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ที่กลับเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยทั้งสองคันเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่สอง ที่เปิดตัวในญี่ปุ่น
นอกจากจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดกะทัดรัด ที่เหมาะกับสภาพบ้านเมืองในญี่ปุ่น ยังมีลักษณะพิเศษร่วมกันคือ ก้านไฟเลี้ยวจะอยู่ทางด้านขวา
ในทางกลับกันรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่าง Nissan Sakura (นิสสัน ซากุระ) ซึ่งเป็นรถแบบ Kei Car พลังงานไฟฟ้า ที่ขายอยู่ในญี่ปุ่นและกำลังได้รับความนิยม ซึ่งตอนนี้จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาต่ำสุดและขายดีที่สุดในญี่ปุ่น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2023
แม้ว่า Nissan Sakura จะมีระยะทางวิ่งได้ไกลแค่เพียง 180 กิโลเมตร แต่สถิติการขายได้พิสูจน์แล้วว่าหลายๆ คนพบว่า แค่นี้เพียงพอแล้ว (แม้ว่าด้วยเหตุผลบางประการ รถรุ่นฝาแฝดอย่าง Mitsubishi ek Cross EV กลับสู้ไม่ได้...)
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น ยังไม่สามารถสู้รถ EV อย่าง Dolphin และ Kona ที่มาจากจีนหรือเกาหลีได้ ในขณะที่ยังมีระดับราคาที่สูงกว่าเล็กน้อย โดยในปัจจุบันแม้แต่รถ EV ค่ายญี่ปุ่นระดับราคา 5 ล้านเยน ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับ Tesla โดยสิ้นเชิง
หรือแม้แต่ยอดขายต่อเดือนของ Honda e ก็ยังต่ำกว่า 50 คันมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนยอดขายของ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) ในเดือนกันยายน 2023 อยู่ที่ 656 คัน ยังต่ำกว่ายอดขายของ Nissan Ariya (นิสสัน อริยะ) ที่ 671 คัน อีกทั้งสถานการณ์จริงของ Toyota bZ4X และ Subaru Solterra ก็ค่อนข้างน่าผิดหวัง
แม้แต่ชาวญี่ปุ่นเอง ก็ยังคิดว่ารถไฟฟ้าค่ายญี่ปุ่น และยุโรป มีราคาแพง ซึ่งปัจจัยที่ใหญ่ที่สุด คือ ต้นทุนในการจัดหาแบตเตอรี่ เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ผลิตในญี่ปุ่นและยุโรป ที่จะขายสินค้าในราคาถูกเท่ากับผู้ผลิตในจีนและเกาหลี อีกทั้งความนิยมในรถไฮบริดของชาวญี่ปุ่น ที่ขายได้กว่า 170,953 คัน เมื่อเดือนกันยายน 2023
สะท้อนให้เห็นว่า ญี่ปุ่น ยังไม่นิยมรถยนต์ไฟฟ้านัก ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่น จึงไม่ได้ทุ่มเทความพยายามมากนักกับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเท่าใดนั้นเอง แม้ว่าในตลาดโลก ค่ายรถญี่ปุ่นจะเริ่มปรับตัว ลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีรถ EV และแบตเตอรี่กันแล้วในเวลานี้ก็ตาม
แหล่งที่มาจาก
- Webcartop