Subaru (ซูบารุ) ในที่สุดก็ได้เปิดตัว All-New Subaru Forester (ซูบารุ ฟอเรสเตอร์) ในงาน LA Auto Show 2023 ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในโฉมนี้หลายคนบอกว่ามีความคล้ายกับ Toyota RAV4 อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้ง Subaru สัญญาว่าจะเปิดตัวรุ่น Hybrid ตามมาในเวอร์ชั่นปี 2026 ด้วย
รูปลักษณ์ภายนอกของ Subaru Forester ใหม่ มาพร้อมชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light ในโคมเดียวกัน ดีไซน์คล้ายปีกนก กับกระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำเงาแบบใหม่ ที่ดูคล้ายกับใน Ford Explorer เจนฯ 5 รุ่นปี 2010 - 2019 กับชุดกันชนด้านล่างตกแต่งด้วยวัสดุสีทอง
ส่วนในมุมด้านข้าง เน้นซุ้มล้อแบบมีเหลี่ยมสัน ล้ออัลลอยลายใหม่ มีแร็คหลังคา และส่วนโค้งรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรอยหักงอเล็กน้อยที่ฐานของเสา D-Pillar ซึ่งหลายคนวิจารณ์ว่ามีความคล้ายกับใน Toyota RAV4 กับชุดไฟท้ายแบบ LED และแถบเชื่อมต่อเป็นแนวยาว พร้อมสปอยเลอร์หลัง และประตูท้ายแบบไฟฟ้าที่เปิด-ปิด อัตโนมัติ เพียงแค่ยกเท้า
ตัวรถมีระยะห่างจากพื้น 8.7 นิ้ว ทำให้ Forester ใหม่ มีข้อได้เปรียบจากโครงสร้างแชสซีส์ที่แข็งแกร่งขึ้น 10% และระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าใหม่ที่นำมาจาก Subaru WRX ส่วนในรุ่นพื้นฐานและรุ่นพรีเมียม ใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว ในขณะที่รุ่น Limited จะมีขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่น Sport และ Touring สุดหรูจะมีขนาด 19 นิ้ว โดยสีบรอนซ์จะใช้ในรุ่น Sport
ห้องโดยสารภายในออกแบบใหม่หมด ชุดมาตรวัดยังคงเป็นแบบดั้งเดิมกับแบบเข็ม แทนที่จะเป็นจอแสดงผลดิจิตอลทั้งหมด มาพร้อมหน้าจอระบบ Infotainment แบบสัมผัสแนวตั้ง ที่ฝังอยู่ในแดชบอร์ด คู่กับช่องแอร์แบบแนวตั้ง
รูปแบบหน้าจอมีตั้งแต่ขนาด 7.0 นิ้ว ส่วนตัวเลือกขนาด 11.6 นิ้ว มาพร้อม Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ซึ่งแม้ว่าระบบปรับอากาศจะถูกรวมไว้บนหน้าจอกลางแนวตั้งด้านล่างไปแล้ว แต่ยังมีปุ่มปรับ เพิ่ม-ลดอุณหภูมิ อยู่ทั้งสองข้างของหน้าจอ และในส่วนของคอนโซลกลาง มาพร้อมกับที่วางแขน และแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย
พร้อมระบบนำทางจาก TomTom ที่มีฟังก์ชั่น what3words (W3W) สามารถค้นหาจุดหมายเพียงพูดแค่คำง่ายๆ 3 คำ ส่วนรุ่นเริ่มต้น (Base) จะได้หน้าจอ SUBARU STARLINK ขนาด 7 นิ้ว แทน
โดยห้องโดยสารภายใน ยังมีหลังคา Panoramic Sunroof รวมไปถึงแพ็คเกจช่วยเหลือผู้ขับขี่ EyeSight ที่ปรับปรุงใหม่ ให้มุมมองที่กว้างขึ้น และสามารถระบุนักปั่นจักรยาน และคนเดินถนนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาให้มีเสียงรบกวนจากภายนอกลดลงจากรุ่นก่อนหน้า โดยลดเสียงรบกวนจากหลังคาได้มากถึง 39%
ขุมพลังในขณะนี้ยังคงเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร Boxer แบบเดิม ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า (ซึ่งลดลงจากเดิม 2 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 241 นิวตัน-เมตร (เพิ่มขึ้นจากเดิม 2 นิวตัน-เมตร) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ประมาณ 8 วินาที ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ AWD พร้อม ระบบกระจายแรงบิด Active Torque Vectoring และระบบ SI-Drive โดยขุมพลังไฮบริดจะตามมาภายหลังช่วงปีหน้านี้
แหล่งที่มาจาก
- Carscoops