ไม่นานหลังจากที่ MINI (มินิ) ได้ประกาศเปิดตัว MINI Countryman (มินิ คันทรี่แมน) เจเนอเรชั่นที่ 3 รุ่นใหม่สู่ชาวโลก ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ (แต่เยอรมนีเป็นเจ้าของ) รายนี้ ก็ได้เปิดตัวรถรุ่น John Cooper Works ที่เน้นสมรรถนะตามมา
ซึ่งเป็นไปตามสูตรที่คุ้นเคยของ MINI ในการอัปเดตด้านรูปลักษณ์ และการปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพที่ MINI กล่าวว่าทำให้เป็น "ความสุขที่แท้จริงของการขับขี่" ที่ไร้สิ่งอื่นเจือปน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรถ Crossover SUV ขนาดเล็กสมรรถนะสูง
ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกนั้นมาพร้อมกับความโดดเด่นเช่นเคย ด้วยการใช้สีแดงสด Chili Red ที่ส่วนหน้า กระจกมองข้าง พร้อมใช้ชุดไฟหน้าแบบ LED ที่มี JCW Signature Mode โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังใช้กระจังหน้าสีดำ ออกแบบเสา C-Pillar ใหม่ และกรอบไฟท้ายใหม่
หัวใจสำคัญของ MINI John Cooper Works Countryman คือเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ Turbo ให้กำลังสูงสุด 296 แรงม้า (ในเวอร์ชั่นยุโรป) ส่วนเวอร์ชั่นที่ขายในสหรัฐอเมริกา ให้กำลังสูงสุด 312 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร
ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม.
โดยทาง MINI ได้ระบุว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ ใช้ลูกสูบใหม่ ก้านสูบใหม่ และช่องรับอากาศใหม่ และชุด Turbo แบบ Dual-Drive รวมไปถึงยังติดตั้งยางแท่นเครื่องใหม่ วาล์วระบบระบายไอเสียใหม่
และยังติดตั้งเครื่องกำเนิดเสียงในห้องโดยสารที่เพิ่มความเร้าใจมากขึ้น ส่วนยางติดรถมีความกว้าง 245 มม. พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 - 20 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย) ให้เลือก
ส่วนห้องโดยสารภายในแบบสปอร์ต ด้วยการใช้โทนสีดำและแดง เบาะนั่งแบบสปอร์ต JCW ในขณะที่แผงแดชบอร์ดทูโทน หุ้มด้วยผ้าที่ทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล
และมาพร้อม Mini Experience Modes กับหน้าจอ OLED ขนาด 9.4 นิ้ว ตรงกลาง เป็นทั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ และหน้าจอ Infotainment ทำงานผ่านระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 ที่ใช้ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถ และระบบสั่งงานด้วยเสียงที่เรียกว่า Spike
สำหรับ All-New MINI John Cooper Works Countryman ราคาที่ขายในสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นที่ 46,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,663,000 บาท โดยพร้อมส่งมอบรถในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม 2024
แหล่งที่มาจาก
- Carscoops