BYD Shark 6 AWD กระบะ PHEV น้ำมันเต็มถัง วิ่งไกลเกิน 8xx กม. แถมยังช่วงล่างพร้อมลุยแทรคแบบออฟโรด
สำหรับ BYD SHARK 6 เป็นรถปิคอัพสมรรถนสูง ที่มาในรูปแบบ Double Cab 5 ที่นั่ง โดถูกเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ในประเทศเม็กซิโก มาพร้อมการผสานความสะดวกสบายเข้ากับความอเนกประสงค์อย่างเหนือชั้น ตอบโจทย์ทุกการใช้งานทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การบรรทุกสัมภาระ การลากจูง และการผจญภัยแบบออฟโรด
ด้านงานออกแบบโครงสร้างตัวถังของ BYD SHARK 6 ผลิตจากเหล็กความแข็งแก่รงสูงมากถึง 78% มอบความแข็งแกร่งและความทนทานที่เหนือกว่าพร้อมลดน้ำหนักตัวรถ ส่งผลให้มีเสถียรภาพการทรงตัว และการควบคุมรถที่ดี ดีไซฯ์ของรูปลักษณฯ์หน้าตา จะเน้นความบึกบึน ด้านหน้ามากับกระจังหน้าที่ติดอักษร BYD ไว้ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า Dual LED ในแบบแนวตั้ง มาพร้อมไฟ LDR LED รูปตัว C พร้อมติดการ์ดกันกระแทกสีเงินไว้ที่ตัวกัชนหน้า
ด้านข้างออกแบบให้ดูแข็งแกร่งด้วยซุ้มล้อที่ถูกตีโป่งเสริมให้ตัวรถดูมีมัดกล้าม มาพร้อมล้ออัลลอยทูโทนปัดเงาขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง AT ขนาด 265/65R18, กระจกมองข้างขนาดใหญ่ มาพร้อมบันไดข้างตามแบบฉบับรถสายลุย กระบะท้ายออกแบบให้ค่อนข้างสั้น โดยจะสามารถจุของได้ที่ 1,450 ลิตร เสริมความสปอร์ตด้วยสปอร์ตบาร์ขนาดใหญ่ ด้านชุดไฟท้าย LED มาในแบบทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่แนวตั้ง โดยชุดไฟเบรกจะเป็นรูปตัว C ที่ด้านใน อีกทั้งยังมีเส้นแถบไฟลากยาวเชื่อมไฟท้ายทั้ง 2 ฝั่ง โดยติดตั้งไว้ที่ฝากระบะท้าย มิติขนาดตัวรถจจะความยาวอยู่ที่ 5,457 มม. ความกว้าง 1,971 มม. สูง 1,925 มม.และมีระยะฐานล้อ 3,260 มม. โดยมีระยะห่างจากพื้น หรือ Ground Clearance อยู่ที่ 230 มม.
ภายในห้องโดยสารของ BYD SHARK 6 มาพร้อม หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียขนาด 15.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto, Apple CarPlay พร้อมรองรับการอัปเดต OTA และรองรับระบบช่วยสั่งงานด้วยเสียง และระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ขนาดใหญ่ ถึง 12 นิ้ว
เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบพนักพิงดันหลัง 4 ทิศทาง กระจกหน้าต่างคู่หน้าแบบกันเสียงและกระจกส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย จัดเต็มกับระบบเสียง DYNAUDIO ซึ่งเป็นระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม ลำโพง 12 ตำแหน่ง ให้ประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบ
คอนโซลกลางออกแบบให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ถูกเชื่อมต่อกับคอนโซลหน้าแบบสะพาน โดยด้านล่างจะเป็นช่องเก็บของ มาพร้อมพอร์ต USB-A / USB-C อย่างละ 1 ช่องที่ด้านหน้า และ USB-A 1 ช่องที่ด้านหลัง รวมทั้งยังได้รับแท่นชาร์จสามาร์ตโฟนแบบไร้สาย และยังได้รับระบบเครื่องเสียงของทาง Dynaudio พร้อมลำโพง 12 ตัว
ขณะที่ในส่วนด้ามคันเกียร์จะออกแบบให้สามารถยืดหดได้ อีกทั้งยังมาพร้อมปุ่มควบคุมสั่งการในรถที่ออกแบบให้ดูคล้ายกับปุ่มงานงานบนเครื่องบิน
นอกจากนี้ BYD Shark 6 ยังมากับ ระบบกุญแจ NFC ทำงานควบคู่กับ กุญแจแบบคีย์การ์ด พร้อมระบบ Keyless Start เหมือนกับรถทุก ๆ รุ่นของทาง BYD
ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ของ BYD SHARK 6 จะมากับระบบช่วยขับขี่ ADAS พร้อมกล้องมองภาพ 540° ที่ประกอบด้วยกล้องมองภาพรอบคัน 360° และกล้องภาพใต้ท้องรถ 180° รวมทั้งยังได้รับระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้, ระบบเตือนการชนด้านหน้า/ด้านหลัง, ระบบการเตือนชนด้านหลัง, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และถุงลมนิภัย 7 ตำแหน่ง
ขุมพลังเหนือชั้น รองรับการใช้งานได้หลากหลาย
BYD SHARK 6 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DM-O ที่ล้ำสมัย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริดอันทรงพลัง เครื่องยนต์ 1.5L ทำงานร่วมกับระบบ EHS และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 in 1 ที่ติดตั้งด้านหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด 321 กิโลวัตต์ และแรงบิดรวมสูงสุด 650 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลาเพียง 5.7 วินาที
ใช้ BYD Blade Battery ความปลอดภัยสูง ความจุแบตเตอรี 29.58 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุด 100 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ พร้อมระบบกระจายแรงบิดแบบเรียลไทม์
มั่นใจได้ถึงการส่งกำลังที่เหมาะสมและการควบคุมที่แม่นยำในทุกสภาพถนน สามารถลากจูงได้สูงสุด 2,500 กิโลกรัม และรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 790 กิโลกรัม ทั้งยังตอบโจทย์สายออฟโรดด้วยศักยภาพการปีนไต่ทางลาดชันได้สูงสุด 60% มุมปะทะ 31 องศา และลุยน้ำได้ลึกสูงสุด 700 มิลลิเมตร
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ พร้อมระบบกระจายแรงบิดแบบเรียลไทม์ มั่นใจได้ถึงการส่งกำลังที่เหมาะสมและการควบคุมที่แม่นยำในทุกสภาพถนน สามารถลากจูงได้สูงสุด 2,500 กก. และรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 790 กก. ทั้งยังตอบโจทย์สายออฟโรดด้วยศักยภาพการปีนไต่ทางลาดชันได้สูงสุด 60% มุมปะทะ 31 องศา และลุยน้ำได้ลึกสูงสุด 700 มม.
ระบบช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลังแบบปีกนกคู่ และดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความอากาศ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและมั่นคง ส่วนการวางจำหน่ายนั้นจะไม่มีการเปิดเผยว่าจะเข้ามาขายหรือไม่ตอนนี้ แต่คาดว่ามีลุ้นที่จะนำมาวางจำหน่ายในบ้านเราในปีนี้