Mazda BT-50 2025 ไมเนอร์เชนจ์ ปรับโฉมดุดันกว่าเดิม!
Mazda BT-50 2025 ไมเนอร์เชนจ์ ปรับโฉมดุดันกว่าเดิม!

Mazda BT-50 2025 ไมเนอร์เชนจ์ ปรับโฉมดุดันกว่าเดิม!

หลังจากที่ก่อนหน้าไม่นานที่ทางมาสด้าได้ ปล่อยภาพ Official Teaser ของ Mazda BT-50 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ออกมา ล่าสุดทางค่าย Mazda ได้ปล่อยภาพชุดของ Mazda BT-50 2025 รุ่นปรับโฉมใหม่ออกมามาให้ชมแล้ว ในประเทศออสเตรเลีย ก่อนที่จะเริ่มวางจำหน่ายแบบจริงจังอีกครั้งในช่วงต้นปี 2025 ที่จะถึงนี้ 

Mazda BT-50 2025 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่นี้ จากภาพที่ปล่อยออกมานั้นจะเห็นถึงดีไซน์ใหม่ ให้หลาย ๆ จุด ทั้งด้านหน้า และด้านท้าย ส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ของตัวรถนั้นมีความดุดัน หล่อสมาร์ท มากกว่ารุ่นที่ผ่านมา

ด้านหน้าตัวรถจะมากับชุดกระจังหน้าใหม่ จากเดิมที่ด้านในจะเป็นแถบโครเมียมที่วางเป็นชั้น แต่ในรุ่นปรับโฉมใหม่นี้จะมาในแบบรังผึ้งสีดำขนาดใหญ่ พร้อมกับปรับขนาดของตราโลโก้ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าของเดิม

นอกจากนั้นในส่วนของชุดไฟหน้าก็มากับดีไซน์ใหม่ โดยด้านในจะติดตั้งไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่มาในรูปตัว L วางเรียงซ้อนกัน ที่ดูคล้ายกับในตัว CX-5 อีกทั้งยังติดแถบสีแดง ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของในรุ่นท๊อป

นอกจากนั้นในส่วนของชุดไฟหน้าก็มากับดีไซน์ใหม่ โดยด้านในจะติดตั้งไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่มาในรูปตัว L วางเรียงซ้อนกัน ที่ดูคล้ายกับในตัว CX-5 อีกทั้งยังติดแถบสีแดง ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของในรุ่นท๊อป มาพร้อมฝาครอบกระจกมองข้างสีดำที่ติดตั้งไฟเลี้ยวในตัว รวมทั้งยังได้รับบันไดข้างสีดำ ที่เข้าชุดกับราวหลังคาสีดำ มาพร้อมล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่สีดำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 ที่คาดว่าจะติดตั้งอยุ่ในรุ่านบนสุด ขณฯะที่ในรุ่นเริ่มต้นจะมากับล้อกระทะเหล็กขนาด 17 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง 255/65 R17

ด้านท้ายรถ ก็ได้รับการปรับใหม่ด้วยเช่นกัน โดยจะมากับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมฝากระบะท้ายที่ติดตราโลโก้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ด้านกันชนหลังก็ปรับดีไซน์ดูเรียวขึ้นอย่างชัดเจน อีกทั้งยังติดตั้งสปอร์ตบาร์สีดำไว้ที่กระบะท้าย ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ตัวรถนั้นดูมีความดุดัน และทรงพลังมากยิ่งขึ้น 

ภายในห้องโดยสารก็ปรับใหม่เฉดเช่นเดียวกับภายนอก โดยจะมีให้เลือก 2 โทนสีได้แก่ สีน้ำตาล และโทนสีดำด้าน Matte Black 

แผงแดชบอร์ดจะมากับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ขนาด 7 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ จากเดิมที่มีขนาดเพียง 4.2 นิ้ว โดยมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสามก้านวางอยู่ด้านหน้า  มาพร้อมหน้าจอกลางแบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ที่รองรับการเชื่อต่อทั้ง Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย รวมทั้งยังสามารถเปิดดูระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS), องศาการหมุนพวงมาลัย, องศาตัวรถแบบเรียลไทม์, ข้อมูลระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง, โหมดการขับขี่ และสถานะดิฟล็อกต่าง ๆ ได้ นอกจากนั้นยังได้รับการติดตั้งช่องเชื่อมต่อ USB-C ที่บริเวณกระจกมองหลัง รวมทั้งที่บริเวณที่นั่งด้านหน้า และด้านหลัง


เบาะนั่งจะถูกหุ้มด้วยหนัง Maztex สีส้ม Terracotta สลับ Alcantara (SUEDE) พร้อมประทับตราสัญลักษณ์ BT-50 บริเวณพนักพิงศีรษะ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง โดยฝั่งผู้ขับขี่จะมีปุ่มดันหลังแบบไฟฟ้า

ด้านชุดอุปกรณ์จะมากับปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจแบบ Keyless Entry มาพร้อมฟังก์ชัน Remote Engine Start สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมทในระยะ 20 เมตร, ระบบเครื่องเสียง Dynamic Surround Sound ที่มากับลำโพง 8 ตำแหน่ง, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา

ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ของ Mazda BT-50 2025 โฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่จะได้รับการติตดั้งระบบ ADAS เวอร์ชั่นใหม่ มาพร้อมกล้องคู่ ADAS 3D ที่ช่วยให้สามารถตรวจจับพื้นที่ได้มุมกว้างกว่าเดิม และเลนส์กล้องมองหลังเคลือบด้วยฟิล์มกันน้ำเพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในสภาพอากาศเปียกชื้น รวมทั้งยังมากับเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน

นอกจากนั้นยังมากับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go, ระบบตรวจจับวัตถุด้านหน้า, ระบบเตือนการชน, ระบบเบรกอัตโนมัติ, ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร, ระบบตั้งจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตนเอง, ระบบอ่านป้ายจราจร, ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน, ไฟสูงอัตโนมัติ เป็นต้น 


ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ ที่มีให้เลือก 2 ความแรง เริ่มจากเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูง 450 นิวตันเมตร และขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูง 350 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังจะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม RevTronic 


โดยจะมีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time Terrain Command พร้อม Diff-Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L มาพร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า โดยทั้ง 2 ขุมพลังจะมาพร้อมเทคโนโลยีตัวกรองเขม่าไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล DPDลดเขม่า และฝุ่นขนาดเล็กจากการเผาไหม้ ผ่านมาตรฐานยูโร 5

Mazda BT-50 2025 โฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ จะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 32 สีได้แก่ สีแดง Red Earth, สีขาว Geode White และ สีน้ำเงิน ซึ่งจะมีกำหนดประกาศราคาพร้อมวางจำหน่ายที่ออสเตรเลียช่วงไตรมาสแรกปีหน้า

 

 

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง