"รถไฮบริด" กับ "รถไฟฟ้า" แบบไหนน่าใช้งานกว่ากัน ?
"รถไฮบริด" กับ "รถไฟฟ้า" แบบไหนน่าใช้งานกว่ากัน ?

รถยนต์ไฮบริด คืออะไร ?

รถยนต์ไฮบริดคือรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ที่ใช้การสันดาปอยู่ภายใน และมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ช่วยเสริมกำลังในการขับเคลื่อน รวมทั้งสนับสนุนการเบรกแบบผันกลับ เพื่อใช้สำรองพลังงานในรูปแบบไฟฟ้า หรือเรียกง่ายๆ ว่า รถไฮบริดนั้นเป็นรถที่มีการผสมผสานกันระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ที่สูงขึ้น และสิ้นเปลืองพลังงานน้อยกว่ารถยนต์ปกติ โดยรถไฮบริดในประเทศไทยนั้นมีการทำตลาดมาแล้วกว่า 10 ปี และรุ่นแรกที่มีการเปิดตัวในบ้านเราคือรุ่น Toyota Prius ที่เปิดตัวในเดือน พฤศจิกายน ปี 2010

การทำงานของรถไฮบริด
แม้ว่าจะเป็นรถกึ่งไฟฟ้า แต่ก็ต้องอาศัยการเติมน้ำมันอยู่ เพื่อให้เกิดการสันดาปภายใน ก่อนจะพลังงานจะแปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบของไฟฟ้า โดยขณะที่รถวิ่งจะมีการเปลี่ยนพลังงานที่ถูกเผาไหม้มาเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อกักเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่ และเมื่อใดก็ตามที่รถยนต์ต้องใช้พลังงานมากกว่าที่เครื่องยนต์เริ่มผลิตได้ หรือใช้เครื่องยนต์เป็นเวลานาน รถก็จะดึงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เข้ามาเสริม ซึ่งในส่วนนี้เองที่จะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานมากกว่าการใช้รถยนต์ระบบเติมน้ำมันเพียงอย่างเดียว

รถพลังงานไฟฟ้า (EV) คืออะไร ?


อีกหนึ่งประเภทรถยนต์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยรถไฟฟ้าหรือ รถยนต์ EV นั้นเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนมาตั้งแต่การจุดสตาร์ท เรียกได้ว่าใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่ง EV นั้นย่อมาจาก Electric Vehicle ซึ่งก็คือ ยานพาหนะไฟฟ้า นั่นเอง ทั้งนี้ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่รถยนต์ก็สามารถทำได้ทั้งจากการติดตั้งตู้ชาร์จในที่พักอาศัย หรือการขับขี่ไปเติมพลังงานไฟฟ้าที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งหลายแห่งก็มีจุดชาร์จพลังงานไฟฟ้าไว้รองรับการให้บริการแล้ว

การทำงานของรถพลังงานไฟฟ้า
สำหรับการทำงานของรถ EV นั้นจะแตกต่างจากรถไฮบริด อย่างชัดเจนด้วยความที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ทำให้ทุกการขับขี่ หรือทุกฟังก์ชันของการใช้งานนั้นมาจากพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด และสามารถแบ่งการทำงานออกได้เป็น 6 ส่วนคือ

- แบตเตอรี่: เป็นแบตก้อนเล็กจำนวนหลายก้อนประกอบรวมกันจนได้แบตก้อนใหญ่ 1 ลูก ซึ่งคอยทำหน้าที่ในการปล่อยพลังงานไฟฟ้า โดยจะเป็นการปล่อยไฟฟ้ากระแสตรง
- Inverter: ระบบนี้จะคอยควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยหลังจากไฟฟ้ากระแสตรงออกมาแล้ว อินเวอร์เตอร์ก็จะแปลงไฟกระแสตรงจากแบตเตอรี่เป็นกระแสสลับ (AC) ให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า
- มอเตอร์ไฟฟ้า: เป็นเครื่องกลไฟฟ้าที่จะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากกระแสสลับให้กลายเป็นพลังงานกลแบบหมุน
- Driving train: เป็นระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้า มีทั้งแบบเกียร์เดียวและสองเกียร์ ซึ่งหน้าที่ก็คือการเชื่อมต่อกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า กับล้อรถ ดังนั้นเมื่อมอเตอร์มีการหมุนระบบขับเคลื่อนก็ทำงานส่งผลให้ล้อรถหมุนนั่นเอง
- ที่ชาร์จไฟ: คอยทำหน้าที่รับพลังงานไฟฟ้าจากสถานีชาร์จเพื่อนำไฟฟ้าเข้าสู่ตัวรถและเก็บในแบตเตอรี่
- ระบบเบรก: ในทุกครั้งที่ทำการเบรกระบบขับเคลื่อนจะแปลงพลังงานจลให้เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า

ข้อดีรถไฮบริด
ประหยัดน้ำมัน - รถไฮบริดมีความประหยัดน้ำมันมากกว่าเมื่อเทียบกับรถสันดาปล้วน ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรถูกกว่า ยิ่งขับมากเท่าไหร่ก็ยิ่งประหยัดมากขึ้นเท่านั้น

ไม่ต้องรอชาร์จไฟ - หากคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตร อาจสู้รถ EV ไม่ได้ แต่รถไฮบริดได้เปรียบในเรื่องการใช้งานที่ไม่แตกต่างจากรถน้ำมัน เพียงแค่เติมน้ำมันไม่กี่นาทีก็สามารถขับได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องรอชาร์จไฟ

ราคาเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น - ปัจจุบันรถไฮบริดมีราคาจำหน่ายเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก่อน จึงสามารถเป็นเจ้าของได้โดยไม่ต้องกังวลด้านการใช้งานแบบรถ EV

ข้อเสียรถไฮบริด
ยังต้องเติมน้ำมัน - ต่อให้รถไฮบริดจะประหยัดขนาดไหน แต่ก็ยังจำเป็นต้องเติมน้ำมันอยู่ดี ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายยังคงแปรผันกับราคาน้ำมันที่มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา

ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสั้น - รถไฮบริดบางรุ่นมีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่จำกัด เว้นแต่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถขับขี่ได้ตั้งแต่หลักสิบ ไปจนถึงหลักร้อยกิโลเมตร แต่ก็แลกมาด้วยมูลค่าที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน


สรุปแล้วรถยนต์ไฟฟ้าเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานบนเส้นทางเดิมเป็นประจำ เช่น จากบ้านไปที่ทำงาน เพราะสามารถชาร์จไฟที่บ้านได้ ขณะที่รถไฮบริดแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายคิดเป็นบาทต่อ กม.สูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ได้เปรียบเรื่องการขับขี่ทางไกลที่สามารถขับได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องเสียเวลาชาร์จไฟเป็นระยะเวลานาน หากต้องซื้อรถเป็นคันเดียวของบ้าน และต้องออกต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ รถไฮบริดก็เป็นทางเลือกที่ค่อนข้างเหมาะสมเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะเลือกใช้รถไฮบริดหรือรถพลังงานไฟฟ้า ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบและความสะดวกของแต่ละคน แต่ก็สามารถสรุปได้ว่า รถยนต์ไฮบริดก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ในยุคน้ำมันแพง ค่าไฟแพงนี้ครับ

 

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง