บริษัท เอสเอไอซี ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมกันในทุกภูมิภาคทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และโคราช เป็นครั้งแรก ประกาศรุกตลาด B-Segment สร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการไฮบริด ภายใต้คอนเส็ปท์รถยนต์ไฮบริดสมรรถนะสูง “อิสระพลัสเวล”ยนตรกรรมที่พลัสมาให้ครบ แรง ขับสนุก ประหยัดเหนือชั้น ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีไฮบริดอัจฉริยะ อีกระดับของประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 559,900 บาท สัมผัสตัวจริงและทดลองขับได้ที่งาน BIG MOTOR SALE 2024 และ โชว์รูม เอ็มจี กว่า 150 แห่งทั่วประเทศ
ALL NEW MG3 HYBRID+ มีให้เลือก 2 รุ่น โดยรุ่น D มีราคาจำหน่าย 579,900 บาท ราคาช่วงเปิดตัว 559,900 บาท รุ่น X ราคาจำหน่าย 619,900 บาท ราคาช่วงเปิดตัว 599,900 บาท ทั้งนี้ราคาลดพิเศษช่วงเปิดตัวมีจำนวนจำกัดเพียงแค่ 1,000 คันเท่านั้น
ALL NEW MG3 HYBRID+ ยนตรกรรมไฮบริดรุ่นล่าสุดของ เอ็มจี สะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตอบโจทย์ผู้ใช้รถในราคาที่เข้าถึงได้
ประหยัดกว่าและแรงกว่า ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 26.2 Km/L
ขับสนุกกว่า ฉลาดกว่า ปลอดภัยกว่า เทคโนโลยีไฮบริดใหม่ ด้วยมาตรฐาน Global Model
กว้างกว่า พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่จุได้ถึง 293 ลิตร และขยายได้สูงสุดถึง 1,037 ลิตร พร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว ทันสมัย
ALL NEW MG3 HYBRID+ โดดเด่นด้วยระบบ HYBRID+ ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก SAIC MOTOR เพื่อพัฒนายนตรกรรมที่มาพร้อมสมรรถนะและความประหยัดที่เหนือชั้น โดยระบบ HYBRID+ เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงในทุกสภาวะการขับขี่ รถรุ่นนี้ถือเป็น Global Model ที่พัฒนาและปรับจูนทุกระบบโดยทีมวิศวกรระดับโลก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริงบนถนนทั่วโลก โดยผ่านการทดสอบในทุกสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ รวมถึงวิ่งทดสอบในสถานการณ์ที่หลากหลาย
ระบบไฮบริด เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่รองรับเชื้อเพลิง E20 กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสมรรถนะที่ได้นั่นน่าสนใจทีเดียว
เครื่องยนต์
กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (75 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด 128 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันมเตร
สมรรถนะโดยรวมเมื่อทำงานร่วมกัน
กำลังสูงสุด194 แรงม้า (143 กิโลวัตต์)
แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร
ซึ่งสมรรถนะที่ได้นั้น ถือว่าแรงสุดในกลุ่มรถ B-Segment
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 8 วินาที
อัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 5 วินาที
ส่วนแบตเตอรีแบบลิเธียมไอออน รูปแบบ Cell-To-Pack ความจุ 1.83 kWh ซึ่งมีความจุมากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน
โหมดการขับขี่มี 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT
ระบบส่งกำลัง Hybrid Transmission ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT 3 อัตราทดเกียร์ ปรับการทำงานแบบอัตโนมัติ
ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย ส่วนรัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร
ขณะที่ขนาดตัวถัง MG3 HYBRID+ เอ็มจีระบุว่าเป็นรถที่กว้างที่สุดในตลาด ซับ คอมแพคท์
ความยาว 4,113 มม.
กว้าง 1,797 มม.
สูง 1,502 มม.
ระยะฐานล้อ 2,570 มม.
ระยะต่ำสุดจากพื้น (ground clearance) 117 มม.
พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีความจุ 293 ลิตร และหากพับเบาะหลังลงพื้นที่จะเพิ่มเป็น 1,037 ลิตร
ส่วนออปชั่นหลักๆ ตัวท็อปภายนอกประกอบด้วย
ไฟหน้า LED พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ
ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่กลางวัน (Daytime Running Lights)
ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สาม
ไฟตัดหมอกหลัง
ที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าอัตโนมัติ ใบปัดน้ำฝนด้านหลัง
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พับอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยว
ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ คุมโทนด้วยด้วยสีทูโทนขาวสลับดำ และมีออปชั่นหลักๆ คือ
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มรับสายวางสายโทรศัพท์
กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down ด้านผู้ขับขี่
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi – Function Display) ส่วนมอนิเตอร์กลางระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว
เครื่องเสียงพร้อมลำโพง 6 ดอก
ช่องใส่ของภายในห้องโดยสารรวม 25 จุด
เบาะผู้ขับขี่ปรับได้ 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้า 4 ทิศทาง
ที่พักแขนด้านหน้า เบาะนั่งด้านหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ
ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ระบบกรองอากาศ PM 2.5
รองรับระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
ระบบกุญแจรีโมท (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
ด้านการขับขี่และความปลอดภัย
พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
ช่วงล่างด้านหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
ช่วงล่างหลัง Torsion Beam หรือคานแข็ง
ดิสก์เบรก 4 ล้อ ด้านหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบความปลอดภัย ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System)
เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
Auto Vehicle Hold
เบรก ABS
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกช่องทาง LDP (Lane Departure Prevention)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง LKA (Lane Keep Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง LDW (Lane Departure Warning)
ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้า FCW (Forward Collision Warning)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน AEB (Autonomous Emergency Braking)
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ UDW (Unsteady Driving Warning)
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ICA (Intelligent Cruise Assist)
ระบบตรวจสอบความผิดปกติลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม
กล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
โดยราคาจำน่าย MG3 Hybrid+ ประกอบด้วย
MG3 Hybrid+ D ราคา 559,000 บาท
MG3 Hybrid+ X ราคา 599,000 บาท
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่
Website: www.mgcars.com