นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงสถิติการจดทะเบียนรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศประจำปี พ.ศ. 2567 เดือน ม.ค. - ก.ค. 2567 โดยพบว่ามีผู้นำรถใหม่มาจดทะเบียนมีจำนวนทั้งสิ้น 1,623,778 คัน แบ่งเป็น
เดือน ม.ค. จำนวน 259,299 คัน
เดือน ก.พ. จำนวน 227,883 คัน
เดือน มี.ค. จำนวน 234,429 คัน
เดือน เม.ย. จำนวน 199,056 คัน
เดือน พ.ค. จำนวน 249,757 คัน
เดือน มิ.ย. จำนวน 231,948 คัน
เดือน ก.ค. จำนวน 221,406 คัน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหามลพิษทางอากาศ ที่มีสาเหตุ มาจากรถยนต์รวมถึงยานพาหนะที่ใช้กันบนท้องถนนนั้น ปล่อยก๊าซจากเครื่องยนต์สันดาป ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรถพลังงานไฟฟ้าหรือ รถ EV (Electric Vehicle) ถือว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งการทำงานที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมัน ยังช่วยลดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าจึงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งการหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle) กำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างเดือน ม.ค. - ก.ค. 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 59,670 คัน การจดทะเบียนฯ ในแต่ละเดือนมีจำนวนดังนี้
เดือน ม.ค. จำนวน 15,915 คัน
เดือน ก.พ.จำนวน 6,259 คัน
เดือน มี.ค.จำนวน 7,373 คัน
เดือน เม.ย.จำนวน 5,973 คัน
เดือน พ.ค.จำนวน 7,969 คัน
เดือน มิ.ย.จำนวน 7,911 คัน
เดือน ก.ค.จำนวน 8,270 คัน
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการลดปัญหามลพิษทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า สำหรับมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 พ.ย.2568 โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
- รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,751-2,000 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท
- รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,751 - 2,000 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท
- ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้วคงเหลือ 10 บาท เป็นต้น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียนเป็นระยะเวลา 1 ปี