BYD ทุ่มเงิน 1.78 หมื่นล้านบาท สร้างโรงงานผลิตในไทย เตรียมส่งออกอาเซียน-ยุโรป
BYD ทุ่มเงิน 1.78 หมื่นล้านบาท สร้างโรงงานผลิตในไทย เตรียมส่งออกอาเซียน-ยุโรป

BYD ยักษ์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีน ได้ทุ่มเงินมูลค่า 486 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อเตรียมเปิดโรงงานแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จังหวัดระยอง ประเทศไทย ในวันที่ 4 ก.ค. นี้ โดยมาพร้อมการปรับลดราคา ATTO 3 SUV สูงสุดถึง 340,000 บาท

โดยทางบริษัทกล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับตลาดในประเทศเท่านั้น ต่กำลังการผลิตส่วนใหญ่จากที่ผลิตได้ 150,000 คันต่อปีจะถูกส่งออกไปยังพื้นที่อื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปด้วย

ซึ่งการเปิดโรงงานในไทยยังเกิดขึ้นในวันที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าใหม่ในยุโรป ที่จะถูกเรียกเก็บเพิ่มเติมจากภาษี 10% ที่มีอยู่แล้ว เพื่อเป็นความพยายามของสหภาพยุโรป (EU) ในการสร้างความเท่าเทียมให้กับแบรนด์ของตนเองกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนที่ได้รับเงินอุดหนุนอย่างมาก

จีนบอกว่า การขึ้นภาษีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม โดยชี้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของตนมีความได้เปรียบเพราะเทคโนโลยีและห่วงโซ่อุปทาน ทั้งนี้รถยนต์ไฟฟ้าค่าย BYD จะโดนอัตราภาษีเพิ่มเติม 17.4% ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกขึ้นภาษีต่ำสุดในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์จีนจะมีจำกัด เนื่องจากมีการส่งออกไปยังยุโรปตะวันตกเพียง 10% ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน แต่ก็หมายความว่ารถยนต์ในคลังส่วนเกินที่เริ่มสะสมอยู่ในจีน เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศชะลอตัว จึงอาจถูกส่งไปยังตลาดในภูมิภาคเพื่อนบ้านมากขึ้น

ซึ่ง โรงงานของ BYD ในระยองสามารถผลิตรถยนต์ได้ถึง 150,000 คันต่อปี แต่อาจยังไม่ถึงกำลังการผลิตสูงสุดในปีแรก ผู้ผลิตรายอื่นๆ ในไทยมีกำลังการผลิตรวมกันไม่ถึง 1,000 คันต่อเดือน

นอกจากแรงกดดันในประเทศแล้ว ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยยังกังวลว่าจะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับจีนในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกที่สำคัญที่สุด เพราะออสเตรเลียจะบังคับใช้มาตรฐานประสิทธิภาพรถยนต์ใหม่ในปี 2025 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์สันดาปของไทย โดย BYD มียอดขายในออสเตรเลียเป็นรองเพียง Tesla เท่านั้น นักวิเคราะห์ของ HSBC ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อปริมาณการขายและการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดของ BYD แม้ว่าจะลดการคาดการณ์กำไรสุทธิของบริษัทลง 8% ก็ตาม

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง