ไขข้อสงสัย เปิด 14 ประเภทรถยนต์ มีทั้งหมดกี่แบบ แตกต่างกันยังไง ปัจจุบันมีแบบไหนบ้าง?
ไขข้อสงสัย เปิด 14 ประเภทรถยนต์ มีทั้งหมดกี่แบบ แตกต่างกันยังไง ปัจจุบันมีแบบไหนบ้าง?

เชื่อได้ว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ประเภทรถยนต์นั้นมีหลายแบบมากๆ ซึ่งแต่ละแบบก็แตกต่างกันออกไป แล้วความคล่องตัวและความเหมาะสมในการใช้งาน โดยรถยนต์แต่ละแบบมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน มีอะไรบ้าง มารับชมกันเลยค่ะ

1. รถเก๋ง (Sedan) คือ ถือเป็นประเภทรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยรถเก๋งเป็นรถนั่ง 4 ประตู มีที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร 4 ที่นั่งหรือมากกว่า ที่พื้นที่เก็บของส่วนท้าย รูปทรงกระทัดรัด แต่ละแบรนด์ออกแบบดีไซน์มาสวยหรู แตกต่างกันไป ให้เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะในเมืองหรือเดินทางไกล แถมราคาก็ยังเอื้อมถึงง่าย และมีขนาดให้เลือกหลากหลายเช่นเดียวกัน ตัวอย่างรถเก๋ง เช่น Honda Civic, Toyota Altis, MG5, Toyota Camry

2. รถคูเป้ (Coupe) เป็นประเภทรถยนต์ที่ดีไซน์ทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยว 2 ประตู ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถม้าสมัยก่อนในประเทศฝรั่งเศส หน้าตาคล้ายกับรถเก๋ง แต่ระยะฐานล้อจะค่อนข้างสั้นกว่า มีความคล่องตัวที่ทำได้ดีกว่า และมีส่วนท้ายลาดเอียงมากกว่า ในขณะที่เครื่องยนต์ก็แรงมากกว่ารถเก๋งทั่วๆไป ไม่ค่อยมีช่องเก็บของเท่าไหร่ และพื้นที่ศรีษะค่อนข้างแคบ บางกรณีรถยนต์ Coupe อาจมี 4 ประตูได้ เหมาะสำหรับคนชื่นชอบดีไซน์หรูหรา และความเร็ว ตัวอย่างรถคูเป้ เช่น Ford Mustang, BMW Series 4, Chevrolet Camaro

3. รถแฮทช์แบค (Hatchback) หรือที่หลายคนเรียกว่า รถเก๋ง 5 ประตู เป็นประเภทรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะด้วยความที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระช่วงท้ายกว้าง เชื่อมต่อกับห้องโดยสาร ทำให้เหมาะกับการใช้งานเวลาต้องแบกสัมภาระเยอะๆในช่วงการเดินทาง แต่อย่างไรก็ยังคงความขนาดกระทัดรัด คล่องตัว ตัวอย่างรถแฮทช์แบค (Hatchback) ได้แก่ Toyota Yaris, Honda City Hatchback, Suzuki Swift, Mazda 2

4. รถกระบะ (Pickup) ประเภทรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ในการบรรทุกของ สามารถบรรทุกของเยอะๆในเวลาเดินทางไกล ในประเทศไทย มีคนใช้อย่างมากมายบนท้องถนน มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมากขึ้น ด้วยการต่อเติมหลังคาท้ายกระบะหรือทำเป็นตู้ทึบ เพื่อสามารถขนส่งสินค้าได้หลายรูปแบบ ซึ่งห้องโดยสารมีทั้งแบบ กระบะตอนเดียว, กระบะแคป, กระบะ 4 ประตู ไปจนถึงกระบะแบบ 4WD ตัวอย่างรถยอดฮิตประเภทรถกระบะ (Pickup) เช่น Toyota Hilux Revo, Ford Ranger, Isuzu D-Max

5. รถออฟโรด (Hardtop) เป็นประเภทรถยนต์ที่โดดเด่นและมีความแตกต่างจากทุกประเภทมากที่สุด เพื่อให้รองรับต่อการขับขี่บนทางวิบาก ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ, พละกำลังเครื่องยนต์ และช่วงล่างที่มีความทนทานอย่างมาก เหมาะสำหรับการขับเดินทางไปแคมป์ปิง จะเส้นทางแบบไหนก็ลุยไปได้อย่างสบายเลยทีเดียว ตัวอย่างรถออฟโรด (Hardtop) เช่น Suzuki Jimny, Ford Ranger Raptor, Jeep Wrangler

6. รถสปอร์ต (Sport) ประเภทรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพในการขับขี่สูง โดดเด่นในเรื่องความแรง โฉบฉเี่ยว สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ดีไซน์สวยหรู บางรุ่นออกแบบคลาสสิค เพิ่มระดับความพรีเมี่ยม ส่งผลให้รถสปอร์ตมีราคาค่อนข้างสูงจากหลายปัจจัยร่วมกัน ตัวอย่างรถสปอร์ต (Sport) เช่น Nissan GT-R, Porsche 911

7. รถไมโคร (Micro) ประเภทรถยนต์ขนาดเล็กกระทัดรัดมากที่สุด ออกแบบมาเพื่อเน้นความคล่องตัวสำหรับการขับขี่ในเมือง เนื่องจากบนท้องถนนมีความหนาแน่นของรถเป็นจำนวนมาก รถไมโคร จึงเป็นอีกตัวเลือกสำคัญ ที่จะทำให้ขับขี่ได้ง่ายขึ้นนนั่นเอง ซึ่งในบ้านเราจะเห็นประเภทรถยนต์แบบนี้ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นส่วนมาก ตัวอย่างรถไมโคร (Micro) ได้แก่ Wuling Air EV

8. รถตู้ (Van) ประเภทรถยนต์ที่สามารถรับรองผู้โดยสารได้เป็นจำนวนมาก เหมาะสำหรับการใช้งานแบบกลุ่มใหญ่ นิยมใช้เป็นพาหนะรองรับพนักงานในหน่วยงานหรือบริษัทต่างๆ หรือรถโดยสารประจำทาง ไปจนถึงการขนส่งสินค้า ซึ่งลักษณะรถจะเป็นแบบยาว บรรถจผู้โดยสารได้มากกว่า10คนขึ้นไป จุดเด่นภายนอกอยู่ที่ประตูบานใหญ่เลื่อนเปิดปิด สำหรับความสะดวกสบายในการขึ้นลงของผู้โดยสารนั่นเอง ตัวอย่างรถตู้ (Van) เช่น Toyota Commuter, Toyota Hiace, Hyundai Staria

9. รถเปิดประทุน (Convertible) gxHoxitg4mรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะ ด้วยเปิดปิดหลังคาได้ซึ่งเป็นการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างออกไประหว่างทาง รับลมชมวิวแบบเต็มๆตา ซึ่งแน่นอนว่าที่ไทย บนท้องถนนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้เฆ้นมากนัก ด้วยสภาพอากาศที่ร้อน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นรถที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศมากเลยทีเดียว แถมเครื่องยนต์ยังมีประสิทธิภาพสูงมากอีกด้วย ตัวอย่างรถเปิดประทุน (Convertible) เช่น BMW Z4, Mazda MX-5

10. รถครอสโอเวอร์ (Crossover) เป็นประเภทรถยนต์ที่อิงตัวถังดั้งเดิมมาจากรถเก๋ง แต่ถูกนำมาขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับยกระดับให้มีความสูงมากกว่าเดิม ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง รถเก๋ง (Sedan) กับรถอเนกประสงค์ (SUV) นั่นเอง เป็นดวกที่ให้ความสะดวกสบาย ห้องโดยสารกว้างขาวง ช่วงท้ายเก็บสัมภาระได้ดี ตัวอย่างรถครอสโอเวอร์ (Crossover) เช่น Honda HR-V, Mazda CX-3, Toyota Corolla Cross

11. รถอเนกประสงค์ (SUV) เป็นประเถทรถยนต์แบบ 5 ที่นั่ง การใช้งานคล้ายกับรถออฟโรด มีการติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อไว้ในบางคัน สามารถเดินทางไปในหลายภูมิประเทศทุกสภาพเส้นทาง โดยรวมถึงการเก็บสัมภาระช่วงท้ายที่มีขนาดกว้างขวาง แถมประเภทรถยนต์ดังกล่าว ก็มีให้เลือกหลายขนาดอย่างมากมายเลยทีเดียว ตัวอย่างรถอเนกประสงค์ (SUV) เช่น Honda CR-V, MG HS, Volvo XC60, Mazda CX-5

12. รถอเนกประสงค์แบบดัดแปลง (PPV) เป็นประเภทรถยนต์ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การเอาพื้นฐานโครงสร้างจากรถกระบะมาดัดแปลง มีการปรับเปลี่ยนช่วงล่างเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในทุกพื้นที่ และมีการเพิ่มจำนวนที่นั่งภายในห้องโดยสารเป็นทั้งหมด 7 ที่นั่งด้วย ตัวอย่างรถอเนกประสงค์ดัดแปลง (PPV) เช่น Toyota Fortuner, Nissan Terra, Mitsubishi Pajero

13. รถวากอน (Wagon) เป็น ประเภทรถยนต์ที่หลายคนอาจไม่คุ้นหูมากที่สุด มีลักษณะคล้ายกับรถแฮตช์แบ็ก ทำให้ตัวรถค่อนข้างกว้าง และยาว อีกทั้งยังมีที่นั่งถึง 7 ที่นั่งด้วยมีส่วนท้ายที่ยื่นออกมามากกว่าสำหรับรองรับการบรรทุกสัมภาระ การใช้งานก็จะเน้นไปที่รถครอบครัวที่อยากได้พื้นที่บรรทุกของมาก แต่ไม่ต้องการถคันที่ใหญ่โตเกินไป ตัวอย่างรถยอดฮิตประเภทรถวากอน (Wagon) เช่น Volvo V90, Subaru Outback, Audi A4 Avant

14. รถมัสเซิล (Muscle) เป็นประเภทรถยนต์ที่ไม่ได้พบบ่อยบนท้องถนนประเทศไทย เพราะเป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะกับการขับขี่ในสนามแข่งขัน อยู่ในกลุ่มทรงคูเป้สองประตู ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ทรงเพื่อสมรรถนะสูงสุด V8 ขึ้นไป ตัวอย่างรถมัสเซิล (Muscle) เช่น Ford Mustang GT, Chevrolet Camaro SS

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง