Royal Enfield (รอยัล เอ็นฟิลด์) ผู้นำระดับโลกในกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250cc - 750cc) เปิดตัวครุยเซอร์รุ่นใหม่ระดับพรีเมี่ยมครั้งแรกในไทย "Royal Enfield Super Meteor 650" ณ ชาโต เดอ เขาใหญ่ พร้อมเสริมกำลังขยายการเติบโตของแบรนด์ที่แข็งแกร่งทั้งในระดับโลกและไทย
Royal Enfield เป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก โดยได้สร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์มาตั้งแต่ปี 1901 และมีการเติบโตล่าสุด 150% ในตลาดรถจักรยานยนต์ APAC ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้มีไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่หลากหลาย โดยเฉพาะ Community กลุ่มคนรักมอเตอร์ไซค์ทั่วโลก
Royal Enfield Super Meteor 650 เป็นรถสไตล์ครุยเซอร์เรโทรขนานแท้ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทย ดังนั้น การเปิดตัวครุยเซอร์รุ่นล่าสุดนี้ครั้งแรกในไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดตัว Super Meteor 650 หลังมีกระแสตอบรับล้นหลามจากตลาดอินเดียและยุโรป เพื่อส่งเสริมตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในไทยให้มีตัวเลือกที่น่าสนใจ และสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบการขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดกลางได้มากขึ้น
นอกจากนี้ จากสถิติและข้อมูลเชิงประชากรศาสตร์ (Demography) วิถีการขี่มอเตอร์ไซค์กำลังเปลี่ยนไปในกลุ่มคนรักรถ หลายคนขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อการพักผ่อนมากขึ้น ซึ่งรวมถึงกลุ่มคุณผู้หญิงด้วย เราจึงเห็นการผสมผสานไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะขับขี่บนถนนในเมืองที่วุ่นวาย หรือขับเพื่อผ่อนคลายตามถนนชนบทกับวิวที่สวยงาม ซึ่งเป็นการผสมผสานศาสตร์แห่งการขับขี่ของ Royal Enfield เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับกลุ่มคนรักมอเตอร์ไซค์ในไทย
สุดยอดรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมียมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Royal Enfield Super Meteor 650 คือรถครุยเซอร์ที่รวมการควบคุมฟังก์ชั่นให้เข้ากับศาสตร์แห่งการขับขี่ที่ผ่อนคลาย มั่นคงบนท้องถนน เพลิดเพลินในการขับขี่ได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นทางตรงทอดยาว หรือจะเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวที่สุดที่ต้องการการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว เครื่องยนต์ของ Super Meteor 650 ก็มีความคล่องตัวและนุ่มนวล ตอบสนองทุกแรงบิด และโดยเฉพาะสไตล์เรโทรสุดเท่ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของ Royal Enfield ที่ช่วยให้น่าจดจำยิ่งขึ้น
ในช่วงปี 2022-2023 Royal Enfield ทำยอดขายรถมอเตอร์ไซค์สูงสุดเท่าที่เคยมีมา กว่า 9.3 ล้านคันทั่วโลกเป็นครั้งแรก โดยแบรนด์ Royal Enfield ได้รับส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในประวัติศาสตร์ในกลุ่มรถจักรยานยนต์โดยรวม
รายละเอียดรุ่น Super Metor 650:
เฟรมและสวิงอาร์มที่สร้างขึ้นที่ศูนย์เทคโนโลยีแห่งสหราชอาณาจักร ร่วมกับ Harris Performance เป็นชิ้นส่วนที่ออกแบบและผลิตใหม่ทั้งหมด มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อความมั่นคงในความเร็วสูงพร้อมรับความคล่องตัว ชิ้นส่วนถูกสร้างจากเหล็กที่มีการตีขึ้นรูปที่เหมาะสม มีการหล่อ การกดและการอัดขึ้นรูป
แชสซีมีการรวมการยึดหัวกระบอกสูบใหม่เพิ่มความแข็งแกร่ง โช้กแบบกลับหัว USD มีระยะยุบ 120 มม. และโช้กหลังระดับพรีเมียมพร้อมพรีโหลด 5 สเต็ปและระยะยุบตัว 101 มม. ช่วยเสริมเฟรมที่ออกแบบมาใหม่ ทำให้ Super Meteor 650 มีการทรงตัวได้อย่างดี ปลอดภัยเมื่อขับขี่บนถนนโล่ง รวมถึงการบังคับเลี้ยวหนักๆ ตลอดทุกทางโค้ง
Super Meteor 650 มาพร้อมรูปลักษณ์ครุยเซอร์พันธุ์แท้ ด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่มีช่วงสะโพกที่กว้างและเอวที่แคบ มีระยะการวางเท้ายื่นไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่ ตำแหน่งแฮนด์บาร์ที่ยกขึ้นและกว้างขึ้น ถังน้ำมันขนาดใหญ่ มาพร้อมยางขอบล้ออัลลอยด์ด้านหลัง 16 นิ้วและด้านหน้า 19 นิ้ว
ในส่วนของมุมมองและการควบคุมของผู้ขับขี่ แผงหน้าปัดของมาตรวัดความเร็วแบบอะนาล็อกเข้ากับการทำงานของจอ LCD แจ้งระบบต่างๆ เช่น รอบเครื่องยนต์ ไฟบอกเกียร์ มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง นาฬิกา และมาตรวัดระยะทาง ก้านคลัตช์และเบรกแบบปรับได้ให้การทำงานที่ราบรื่น ด้ามจับรูปทรงกระบอกที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ผสานรวมโลโก้ Royal Enfield สวิตช์ลูกบาศก์อลูมิเนียมชุบใหม่ทั้งหมด สวิตช์หมุนที่ไม่เหมือนใคร
ทั้งหมดเป็นการวางองค์ประกอบการออกแบบระดับพรีเมียมไว้ในมือของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์นำทางแบบ Turn-By-Turn ที่เป็นที่รู้จักของ Royal Enfield ในชื่อ Royal Enfield Tripper เชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่ผ่าน Bluetooth มีช่องเสียบ USB แบบแยกส่วนอยู่ใต้แผงด้านซ้าย ไฟหน้า LED ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันถ่ายทอดเสน่ห์แบบยุคเก่า ขณะที่ยังคงคุณประโยชน์ทั้งหมดของเทคโนโลยี LED
นอกจากนี้ Super Meteor 650 ยังมีอุปกรณ์เสริมสำหรับรถจักรยานยนต์ รวมถึงกลุ่มเครื่องแต่งกาย เสื้อยืด Super Meteor หมวกกันน็อค กระเป๋า และอุปกรณ์เสริมแต่งรถอีกมากมาย
รอยัล เอ็นฟีลด์ Super Meteor 650 ราคาเริ่มต้นที่ 269,000 บาท สำหรับรุ่น Astral, ราคา 274,000 บาท สำหรับรุ่น Interstellar และ ราคา 284,000 บาท สำหรับ Celestial ตัว Top สุด ที่มาพร้อมกับชิลด์หน้าสีทูโทน และพนักพิงหลังสำหรับผู้โดยสาร