NEW LAMBRETTA X 200 GP สกู๊ตเตอร์ถ่ายทอดจิตวิญญาณตำนาน ในราคา 136,900 บาท
จิตวิญญาณแห่งสนามแข่งกลับมาอีกครั้ง ด้วยรหัส 𝗚𝗣 ที่สืบทอดแรงบันดาลใจจากตำนานในสนามแข่งรุ่น LAMBRETTA GP/DL เมื่อปี 1969 สู่โมเดลล่าสุดใน 𝗫𝟮𝟬𝟬 𝗚𝗣 ผสานจิตวิญญาณแห่งชัยชนะในอดีตเข้ากับดีไซน์ทันสมัยในปัจจุบัน ด้วยดีไซน์สไตล์ทูโทน พร้อมประทับกราฟิกโลโก้ LAMBRETTA ที่คาดจากบังโคลนหน้าถึงฝาข้างด้านหลัง สะท้อนการเชื่อมต่อเรื่องราวอันทรงคุณค่าที่ผ่านกาลเวลาจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน กับสัญลักษณ์ ‘𝗜𝗻𝗸 𝗦𝗽𝗹𝗮𝘁’ และ Lambretta lion เครื่องหมายแห่งพลังและความกล้าหาญ อีก Iconic ที่ครองใจชาวแลมเบรตติสต้ามาหลายทศวรรษ
THE RAMPANT LION ตราสัญลักษณ์ ที่ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องหมาย เป็นข้อพิสูจน์ถึงเสน่ห์ที่ยั่งยืนและค่านิยมที่มั่นคงของแบรนด์จนได้กลายเป็นตำนานของตัวเอง มันแสดงถึงความมุ่งมั่นต่อคุณภาพ การยกย่องต่ออดีต และวิสัยทัศน์การมองไปข้างหน้าที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความมั่นใจและความภาคภูมิใจในผู้ขับขี่ Lambretta ทุกคน เพราะสิงโตที่ผงาดอยู่กับคุณคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและภาคภูมิใจ
นอกจากนี้ ใน LAMBRETTA X200 GP ยังแฝงสัญลักษณ์ ‘LAMBRETTA LION’ หรือสัญลักษณ์สิงโตยืนสองขาไว้ที่บริเวณบังโคลนหน้าทั้งสองด้าน ซึ่งสัญลักษณ์นี้ ถือเป็นอีกสัญลักษณ์ที่เป็นมรดกจากอดีตด้วยเช่นกัน เพราะถือเป็นสัญลักษณ์ที่เหล่าชาวแลมเบรตติสต้าในสหราชอาณาจักร นิยมนำมาระดับที่รถกันอย่างแพร่หลายในช่วงยุค 60s
ใช้เครื่องยนต์ LSP (Lambretta Super Performance) ขนาด 184.7 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด, ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อนถึง 2 ตัว ชุดกันสะเทือนหน้าแบบ Double Arm-Link ทั้งสองข้าง ให้การขับขี่ที่สามารถควบคุมบาลานซ์ของตัวรถได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมโช๊คทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่สามารถปรับ Preload ได้ถึง 7 ระดับ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานของผู้ใช้ได้ในหลากหลายรูปแบบ แถมยังคงมาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่นของไฟหน้า และไฟท้ายในระบบ FULL LED กับโคมไฟหน้ารูปทรงหกเหลี่ยม
LAMBRETTA X200 GP มีไฟท้ายที่บึกบึนดูแข็งแกร่งแตกต่างไม่ซ้ำใคร ให้ความพรีเมียมเหนือระดับ กับดีไซน์ในรูปทรงคริสตัล 7 แท่ง ที่เพิ่มเลเยอร์ในการซ้อนโคมด้านนอกอีกชั้น มาพร้อมกับ ระบบ IFS (Integrate-Function Signals) ที่ออกแบบให้ทั้ง ไฟเลี้ยว/ไฟฉุกเฉิน/ไฟเบรก build-in อยู่ภายใต้โคมไฟท้ายเดียวกัน มาพร้อมกับการใช้งานในระบบ Smart Key ที่เพียงแค่พกพา Smart Key ใกล้ตัวรถ ก็สามารถบิดสตาร์ทได้ทันที อีกทั้งยังให้ความปลอดภัยที่มากกว่า ด้วยดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำงานพร้อมกับระบบเบรกแบบ Dual-channel ABS และเสริมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ด้วย USB Charger (Type-C) ที่ซ่อนอยู่บริเวณช่องซ้ายมือ สำหรับเสียบชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์สื่อสารได้ อีกจุดของความสวยงามที่มองเห็นได้ขณะขับขี่ คือ เรือนไมล์แบบ Digital LCD with Tachometer ผสมผสานดีไซน์ระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัยเอาไว้ด้วยกัน พร้อมการทำงานที่แสดงผลข้อมูลต่างๆอย่างครบครัน
ส่วนของราคาเปิดตัวที่ 136,900.- บาท พิเศษ! เฉพาะช่วงเปิดตัว *ตั้งแต่วันนี้ – 5 พ.ย. 67 นี้!