TAKUNI ลุยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มสูบ ตั้งเป้าปีหน้า ยอดขายเกิน 5,000 คัน เบื้องต้นรวม 9 จังหวัด
TAKUNI ลุยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มสูบ ตั้งเป้าปีหน้า ยอดขายเกิน 5,000 คัน เบื้องต้นรวม 9 จังหวัด

TAKUNI ลุยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มสูบ ตั้งเป้าปีหน้า ยอดขายเกิน 5,000 คัน เบื้องต้นรวม 9 จังหวัด 

ดร.กฤตพงศ์ อรชัยพันธ์ลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า หลังจากเปิดโชว์รูมแห่งแรก เพื่อจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า หรือ E-Motorcycle แบรนด์เทลจี (TAILG) จากประเทศจีน บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ บนถนนนิมิตใหม่ พร้อมศูนย์บริการครบวงจร เมื่อ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีดีลเลอร์แสดงความสนใจ เข้าร่วมเป็นตัวแทน จำหน่ายมากกว่า50 รายทั่วประเทศและปัจจุบันเริ่มมีดีลเลอร์จองซื้อรถเข้ามาแล้ว

โดยในปีหน้าจะผลักดันแผน E-Motorcycle อย่างเต็มรูปแบบครบวงจร วางกลยุทธ์ตั้งแต่ด้านการผลิต การนำเข้าชิ้นส่วน แบตเตอรี่ ตรวจสอบและบำรุงรักษาหลังการขายเจาะกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง (Business-to-Customer) หรือ B2C ผ่านดีลเลอร์ ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

เบื้องต้นจะเน้นในเขต พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวม 9  จังหวัดก่อนจะขยายไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุก ภูมิภาคของประเทศ ส่วนกลยุทธ์การเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ (Business-to-Business หรือ B2B) จะเปิด รับลูกค้าจากทั่วประเทศ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

“รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์เทลจี ของเรามีหลากหลายรุ่น รวมแล้วประมาณ 8 รุ่น และราคาเริ่มต้น ตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึงแสนบาทต่อคัน เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกเซกเมนท์ของตลาด ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม เป้าหมายของการใช้งาน ทำให้เป็นที่สนใจของดีลเลอร์อย่างมาก” ดร.กฤตพงศ์กล่าว

โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ในปีหน้าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5,000 คัน และมั่นใจว่า จะทำได้ ตามเป้าหมายที่วางไว้เนื่องจาก E-Motorcycle แบรนด์เทลจี (TAILG) เป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ชั้นนำของประเทศจีน มีรูปลักษณ์และดีไซน์ที่ทันสมัย โดดเด่น มีความคล่องตัว ขับขี่ได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์ต 1 ครั้ง ด้วยราคาที่เหมาะสม เข้าถึงได้ ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มคนไทย และมีศูนย์บริการไว้รองรับ

สำหรับกลยุทธ์การจำหน่ายรถยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ที่ทาคูนิ กรุ๊ป  จับมือกับ บริษัท Nex Point ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ที่มีคุณภาพอันดับหนึ่งของไทย จะเน้นการส่งออกไนต่างประเทศ เบื้องต้น จะนำร่องส่งออกไปที่มาเลเซียและอินโดนีเซียภายในปี 2567

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง