Lambretta (แลมเบรตต้า) เจ้าพ่อสกู๊ตเตอร์คลาสสิกระดับตำนาน 76 ปี จากอิตาลี ทำเซอร์ไพรส์เผยโฉมสุดยอดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า EV Concept รุ่นต้นแบบ ในชื่อรุ่น Elettra กับรูปโฉมที่เปรียบเสมือนผลงานศิลปะแห่งอนาคต ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

Elettra รถรุ่นต้นแบบของจักรยานยนต์ไฟฟ้า 100% จากแบรนด์ดังฝั่งอิตาลี เผยโฉมให้ได้ชมกันเป็นครั้งแรกในโลก ในงาน EICMA 2023 (Esposizione Internazionale Ciclo Motociclo e Accessori 2023) จัดขึ้น ณ​ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2023 ซึ่งถือเป็นปีที่แบรนด์ Lambretta ครบรอบ 76 ปี

สำหรับชื่อ Elettra เป็นชื่อภาษาอิตาเลียน ที่นิยามถึงหญิงสาวทรงเสน่ห์ มากความสามารถมีความคิดนอกกรอบและมีความมั่นใจในตนเอง นอกจากนี้ ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่าเป็น จิตวิญญาณแห่งการบุกเบิก หรือผู้ที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่นจนได้รับเป็นผู้ที่ถูกเลือก ซึ่งนั่นจึงเหมาะสมกับการนิยามความหมายให้กับรุ่นต้นแบบของ Elettra สกู๊ตเตอร์แนวคิดแห่งอนาคตอันมีดีไซน์ทรงเสน่ห์คันนี้

แรงบันดาลใจจากอดีต สู่ แนวคิดแห่งอนาคต

เบื้องหลังการออกแบบรูปโฉมของ Elettra สกู๊ตเตอร์แห่งอนาคตคันนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตในรุ่นตำนานอย่าง Model LD ในช่วงปี 1951-1958 นำมาถ่ายทอดเส้นสายของดีไซน์และพัฒนาใหม่ 

เพื่อก้าวเข้าสู่ New Golden Era ของแลมเบรตต้า โดยใช้แนวคิดแห่งอนาคตในการออกแบบให้มีความล้ำสมัยระดับไฮเอนด์ แต่ยังคงกลิ่นอายและ DNA ดีไซน์โครงสร้างแบบ Low & Long อันเป็นเอกลักษณ์ของแลมเบรตต้า ซึ่งมีมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างลงตัว  

การออกแบบในส่วนของด้านหน้ารถ เริ่มตั้งแต่ไฟหน้าที่ยังคงเอกลักษณ์ โคมหกเหลี่ยมพร้อมสลักโลโก้ Lambretta ตรงกลาง ถัดลงมาที่โลโก้ Innocenti – Lambretta ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่สืบทอดในหลากหลายโมเดลของแลมเบรตต้ามาหลายยุคหลายสมัย ก็ยังคงดีไซน์เดิมเอาไว้ แต่เพิ่มเติมลูกเล่นใหม่โดยใช้ Lighting แบบแสงออกหน้า 

ถัดลงมาที่เอกลักษณ์สำคัญที่สาวกแลมเบรตต้าตัวจริง หรือชาวแลมเบรตติสต้า เรียกว่า จมูกหมู เป็นอีกเอกลักษณ์ที่มีมายาวนาน โดยในโมเดล Elettra คันนี้ ได้ปรับดีไซน์ใหม่ ให้มีการเล่น Lighting ภายในดีไซน์ของบริเวณจมูกหมูถือเป็นการนำเสนอแบบใหม่ ที่ดูล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงตัวตนเอาไว้ได้อย่างชัดเจนที่สุด

นอกจากนี้ ก็ยังคงแฝงดีไซน์การเล่น Lighting ในจุดต่างๆ รอบคัน ทั้งบริเวณขอบคิ้วของตัวรถ ปลายแฮนด์ทั้งสองข้าง โลโก้บริเวณฝาข้างทั้งสองข้าง และที่แปลกตาคือไฟท้ายสีแดง แบบฝังอยู่ในตัวบอดี้ไม่มีโคมแยกชิ้น ซึ่งหากไม่สตาร์ทรถ ก็จะเห็นเพียงชิ้นสีบอดี้แบบเนียนตาเลยทีเดียว

มาถึงอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ คือ ออกแบบให้บอดี้ตัวรถ ยกเปิด-ปิดได้ ด้วยระบบไฟฟ้า ที่นอกจากจะได้อารมณ์ความล้ำนำสมัยขั้นสุดแล้ว ยังช่วยให้การเซอร์วิสหรือการคัสตอมอุปกรณ์ต่างๆ ด้านใน ทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น  

อีกทั้งในส่วนของโครงสร้างด้านในตัวรถ ยังเลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียม ให้ความแข็งแกร่ง ทนทาน น้ำหนักเบา ตอบโจทย์การใช้งานแบบประหยัดแบตเตอรี่ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับช่วงล่างเอกลักษณ์ กับโช๊คอัพหน้าแบบ Double Arm-Link พร้อมปั๊มเบรค Brembo รัดด้วยยางหน้า-หลัง ขนาด 12” จาก Pirelli ส่วนทางด้านหลังใช้ช่วงล่างแบบ "Push Rod" ที่นิยมใช้กันในรถ Super bike และ Hyper Car ให้มีการเคลื่อนที่ของสปริงโช๊คอัพไปในแนวระนาบแทน

Lambretta Elettra มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ ถึง 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ 

- ECO โหมดประหยัดพลังงานสูงสุด ทำให้ระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จไกลขึ้น
- NORMAL โหมดการใช้งานทั่วไป
- SPORT โหมดที่ปล่อยกำลังของมอเตอร์ และแบตเตอรี่สูงสุด เพื่อให้อัตราเร่งและความเร็วสูงที่สุด 

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น R (Reverse) ที่ช่วยส่งแรงไปที่มอเตอร์ขณะถอยหลัง เพื่อลดแรงที่ใช้ในการเคลื่อนรถของผู้ขับขี่ 

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมของ Elettra จะเป็นอย่างไร มีโอกาสผลิตมาจำหน่ายในอนาคตหรือไม่ หรือเข้าไทยเมื่อไหร่ Siamcar จะมาเสนอให้ทราบอีกครั้งครับ