เจาะลึก 8  สาเหตุ "รถไฟไหม้" ที่พบได้บ่อย ในช่วงหน้าร้อน!
เจาะลึก 8 สาเหตุ "รถไฟไหม้" ที่พบได้บ่อย ในช่วงหน้าร้อน!

เจาะลึก 8  สาเหตุ "รถไฟไหม้" ที่พบได้บ่อย ในช่วงหน้าร้อน!

สาเหตุที่ 1 ไฟฟ้าลัดวงจร

เนื่องจากรถยนต์แต่ละคันประกอบไปด้วยสายไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งโดยปกติแล้วหากเป็นรถเดิมๆ จากโรงงานที่ไม่มีการดัดแปลง มักจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบสายไฟ เนื่องจากโรงงานผลิตแต่ละแห่งล้วนมีมาตรฐานในการเดินสายไฟและจัดเก็บเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

แต่กรณีที่พบบ่อย คือ รถยนต์ผ่านการดัดแปลงสายไฟ โดยเฉพาะรถที่มีการติดตั้งเครื่องเสียง หรือระบบกันขโมยจากร้านภายนอก หากช่างไม่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการกับระบบไฟและชุดสายไฟแล้วล่ะก็ อาจเป็นต้นเหตุทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร หรืออุปกรณ์บางชิ้นอาจโอเวอร์ฮีตจนกระทั่งเกิดไฟลุกไหม้ได้

สาเหตุที่ 2 น้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว

หากน้ำมันเชื้อเพลิงมีการรั่วไหลจากส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบส่งน้ำมัน และสัมผัสกับท่อไอเสียที่มีความร้อนสูงจัดแล้วล่ะก็ มีโอกาสที่เพลิงจะลุกไหม้สูงมาก ดังนั้นหากพบว่ามีกลิ่นน้ำมันเบนซินเล็ดลอดเข้ามายังระบบปรับอากาศ หรือขณะอยู่ภายนอกรถแล้วล่ะก็ ควรรีบนำรถเข้ารับการตรวจเช็กโดยทันที

สาเหตุที่ 3 น้ำมันรั่วไหลในห้องเครื่องยนต์

นอกเหนือจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีโอกาสติดไฟได้แล้ว น้ำมันต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ก็มีโอกาสติดไฟได้เช่นกัน (แม้ว่าจะมีโอกาสค่อนข้างน้อยก็ตาม) หากมีการรั่วซึมของน้ำมันจนกระทั่งไปสัมผัสกับทางเดินท่อไอเสียที่มีความร้อนสูงจัด ก็อาจส่งให้เกิดไฟลุกไหม้ได้ไม่แพ้กับน้ำมันเชื้อเพลิง

สาเหตุที่ 4 ของเหลวภายในรั่วไหล
ของเหลวภายในรถยนต์ ส่วนใหญ่มักมีจุดเผาไหม้ค่อนข้างต่ำเหมือนกับระบบเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค และอื่น ๆ เมื่อเกิดการรั่วไหล/รั่วซึมออกมา มักส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์อื่น ๆ ที่กำลังทำงานอยู่ และแน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน

สาเหตุที่ 5 เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีทเนื่องจากทำงานหนัก
เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท คือ เครื่องยนต์ร้อนเกินระดับการใช้งานปกติ คูลแลนด์หรือน้ำที่เป็นของเหลวในระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ นอกจากนี้ยังอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำยาหล่อเย็นหมด, ระบายความร้อนไม่ทัน เป็นชนวนเหตุที่ทำให้เครื่องโอเวอร์ฮีทจนติดไฟได้นั่นเอง

สาเหตุที่ 6 ตัวกรองก๊าซพิษท่อไอเสียอุดตัน
ตัวกรองก๊าซพิษไอเสีย เมื่อเราใช้ไปนาน ๆ ย่อมเกิดการอุดตันเป็นเรื่องปกติ หากไม่ดูแลหรือแก้ไขให้ดี จะทำให้ระดับอุณหภูมิสูงขึ้นผิดปกติ ชนิดที่ว่าสูงถึงพันองศากันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นหากมีเศษใบไม้ เศษกระดาษ หรืออื่น ๆ ที่สามารถติดไฟได้ง่าย เมื่อไปสัมผัสกับตัวกรองอาจทำให้เป็นสาเหตุไฟไหม้รถยนต์ และลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ของตัวรถอย่างรวดเร็ว

สาเหตุที่ 7 รถเกิดอุบัติเหตุ
แม้ว่ารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน จะได้รับการออกแบบให้สามารถปกป้องเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ และถังน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอาจทำให้ของเหลวต่าง ๆ ภายในรถรั่วไหลออกมา จนทำให้เกิดไฟไหม้ได้ เช่น อุบัติเหตุรถชนกับรถยนต์คันใหญ่ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น รู้มั้ยว่าสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถไฟไหม้คือข้อใด? สิ่งสำคัญเมื่อรถไฟไหม้คือ “ตั้งสติ” ดูรอบตัวและประเมินว่าสามารถดับหรือมีวิธีที่ทำให้ไฟไม่ลุกลามได้หรือไม่ หากไม่ได้หรือตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ให้ออกจากรถให้ไวและไกลที่สุด

สาเหตุที่ 8 ระบบไฟฟ้าลัดวงจร
กรณีที่ระบบไฟฟ้าทำงานผิดพลาด/ลัดวงจร นับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดไฟไหม้รถยนต์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะสาเหตุจากการชำรุด หรือการหลุดหลวมของสายไฟภายในรถยนต์ เมื่อเกิดการช็อตหรือมีประกายไฟ จนเกิดเป็นเหตุไฟไหม้รถในที่สุด

หากรถไฟไหม้ต้องทำอย่างไร?
โดยปกติแล้วหากรถเริ่มเกิดเพลิงไหม้ จะมีกลิ่นเหม็นไหม้เล็ดลอดเข้ามาทางระบบปรับอากาศ และอาจเกิดควันตามมาได้ กรณีเช่นนี้ให้รีบนำรถเข้าข้างทาง และดับเครื่องยนต์โดยทันที จากนั้นให้รีบลงจากรถ และอยู่ห่างจากตัวรถให้มากที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการระเบิด จากนั้นแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 199 หรือหน่วยกู้ภัยโดยทันที

หากมีควันไฟออกมาจากห้องเครื่องยนต์ และต้องการเปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อดับไฟ ก่อนเปิดฝากระโปรงจะต้องระวังเปลวไฟที่อาจลุกอยู่ภายในห้องเครื่องยนต์ซึ่งยากแก่การมองเห็นด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยลดโอกาสเกิดเพลิงไฟลุกไหม้รถคันโปรดได้นั้น คือการหมั่นดูแลรักษาอย่างเหมาะสมอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการดัดแปลงระบบไฟของตัวรถ หากพบว่ารถมีกลิ่นเหม็นน้ำมันผิดปกติ ให้รีบนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการโดยทันที จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในอนาคตได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง