
เคล็ดลับยานยนต์ เผย 6 สาเหตุยอดฮิตทำรถสตาร์ทไม่ติด มีอะไรบ้าง?
1. แบตเตอรี่เสื่อม
หากแบตเตอรี่ของคุณใช้งานมามากกว่า 2 ปี เป็นไปได้ที่แบตเตอรี่อาจจะเสื่อมสภาพตามกาลเวลาหรือการใช้งาน ส่งผลให้ตัวแบตเตอรี่เก็บประจุไฟฟ้าได้ในระยะเวลาสั้นลง และแบตหมดไวขึ้น ซึ่งอาจทำให้สตาร์ทรถไม่ติดได้
2. ขั้วแบตเตอรี่สกปรก
ขั้วแบตเตอรี่สกปรก มีคราบขี้เกลือเกาะอยู่ที่บริเวณขั้วแบตเตอรี่ หากปล่อยไว้ อาจจะทำให้กระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังส่วนอื่น ๆ ส่งไปได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอที่จะสตาร์ทรถให้ติดได้
3. ไดสตาร์ทเสื่อม/มอเตอร์สตาร์ท มีปัญหา
ไดสตาร์ทเสื่อมสภาพ หรือเกิดความเสียหาย เช่น ฟิวส์มอเตอร์สตาร์ทขาด สายไฟที่ต่อไปยังสตาร์ทมอเตอร์อาจขาดหรือหลุดออกจากจุดต่อ หรือแปรงถ่านที่อยู่ในมอเตอร์สตาร์ทหมด เป็นต้น แนะนำให้นำรถเข้าพบช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการแก้ไขปัญหาโดยด่วน
4. ไดชาร์จมีปัญหา
ไดชาร์จเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการทำหน้าที่สร้างกระแสไฟจากการที่เครื่องยนต์ทำงานแล้วส่งไปเก็บไว้ยังแบตเตอรี่ ดังนั้น หากไดชาร์จเสื่อมสภาพจากระยะการใช้งานหรือเสีย จะทำให้ไม่สามารถจ่ายไฟหรือชาร์จไฟไปยังแบตเตอรี่ได้ ส่งผลให้แบตเตอรี่หมด และไม่มีกระแสไฟเพียงพอที่จะสตาร์ทรถให้ติดนั่นเอง
5. ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเสีย (ปั๊มติ๊ก)
เพราะปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ดูดน้ำมันจากตัวถังไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งหากปั๊มเสียหรือเสื่อมสภาพ จะทำให้ไม่สามารถจุดระเบิดเครื่องเครื่องยนต์ได้ จนทำให้รถสตาร์ทยากนั่นเอง
6. ใช้กุญแจผี
หากเป็นรถยุคปัจจุบันที่ใช้กุญแจรีโมตแบบ Smart Key มักไม่ค่อยพบปัญหา แต่หากเป็นรถกลางเก่ากลางใหม่ ที่ใช้กุญแจระบบ Immobilizer และยังเป็นแบบเสียบบิดสตาร์ท หากปั๊มกุญแจขึ้นมาใหม่โดยไม่จูนระบบ Immobilizer จะทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด เนื่องจากเป็นระบบป้องกันกุญแจผีนั่นเอง
ทั้งนี้ ปัญหาเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ แต่มีความซับซ้อนกว่าปัญหาอื่นๆ เนื่องจากบางครั้งมีความจำเป็นต้องลากรถไปยังอู่หรือศูนย์บริการ หรือต้องเรียกช่างมาแก้ไขที่หน้างาน จึงควรหมั่นตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ครับ