เกียร์ออโต้กับเกียร์ธรรมดา เลือกแบบไหนประหยัดน้ำมันกว่ากัน?
เกียร์ออโต้กับเกียร์ธรรมดา เลือกแบบไหนประหยัดน้ำมันกว่ากัน?

เกียร์ออโต้กับเกียร์ธรรมดา เลือกแบบไหนประหยัดน้ำมันกว่ากัน?

ข้อดี ข้อเสีย ของรถเกียร์ธรรมดาและออโต้
– รถเกียร์ธรรมดา
ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า เพราะใช้รอบเครื่องต่ำ ซึ่งการใช้รอบเครื่องต่ำก็หมายถึงน้ำมันที่เสียไปน้อยกว่าด้วย นอกจากเรื่องของการประหยัดน้ำมันแล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา การนำรถไปซ่อมก็น้อยกว่า และค่อนข้างแข็งแรง ทนทาน ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ และควบคุมความเร็วในการขับขี่ การเข้าโค้งหรือแซงได้ดีกว่า แต่ปัญหาของการขับขี่เกียร์ธรรมดาคือการต้องคอยเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง การเหยียบคลัตช์เหยียบเบรกต้องแม่น การเลี้ยงคลัตช์ไม่ให้รถดับเวลาขึ้นเนินหรือสะพาน ทำให้มือใหม่หัดขับมักจะไม่ชอบขับรถเกียร์ธรรมดา

– รถเกียร์ออโต้
ตอบโจทย์เรื่องการขับขี่มากกว่า ด้วยความที่เกียร์ขับง่าย ไม่ต้องใช้คลัทช์ ไม่ต้องคอยเข้าเกียร์ด้วยตัวเอง สะดวกสบาย และใครๆ ก็ขับได้ การออกตัวก็เร็วกว่า แต่ระบบภายในของเกียร์ออโต้มีความซับซ้อนมากกว่า ในการเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งจะต้องรอให้ถึงรอบเครื่องสูงได้จังหวะถึงจะเปลี่ยนไปอีกเกียร์ หากรอบเครื่องไม่ถึงคนขับก็ต้องเหยียบคันเร่งให้ถึงเกียร์ถึงจะเปลี่ยน จึงเป็นการดึงพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้ในการขับเคลื่อนรถและเปลี่ยนเกียร์มาก ทำให้ใช้น้ำมันมากกว่า รวมไปถึงฟันเฟืองและชิ้นส่วนเล็กๆ ที่ดูแลรักษายาก และหากใช้ไม่ถนอมก็จะเสียง่ายกว่า

รถแบบไหนประหยัดน้ำมัน เกียร์ธรรมดาประหยัดกว่า
เคยได้ยินไหม ที่เขาว่ากันว่ารถยนต์เกียร์ธรรมดานั้น ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์เกียร์ออโต้ รวมไปถึงการขับขี่ การตอบสนองของเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดาก็ตอบสนองได้เร็วกว่ารถยนต์เกียร์ออโต้เสียอีก เพราะด้วยความซับซ้อนของระบบที่น้อยกว่า จึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงมากเหมือนเกียร์ออโต้นั่นเอง

 

 

ดังนั้น เกียร์ธรรมดายังมีข้อดีในเรื่องของความทนทาน จะมีก็เพียงการเปลี่ยนชุดคลัตช์ที่มักทำกันไม่ต่ำกว่า 2 แสน หรือ 3 แสนกิโลเมตรขึ้นไป ขณะที่เกียร์อัตโนมัติหากละเลยการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้แล้วล่ะก็ มีโอกาสสูงที่จะทำให้เกียร์ได้รับความเสียหายจนถึงขั้นต้องโอเวอร์ฮอลหรือเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่ไปเลย

แต่ไม่ว่าจะรถเกียร์อะไรก็ตาม ถ้าคุณไม่มีการดูแลบำรุงรักษา ปล่อยใช้งานไปเรื่อยๆ โดยไม่ดูแล ก็จะทำให้เกียร์พังเร็วกว่าเวลาอันควร และต้องคอยตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ว่ายังอยู่ในระดับปกติไม่ลดน้อยลงไป หรือน้ำมันเกียร์ไม่หนืด เปลี่ยนน้ำมันเมื่อถึงระยะเปลี่ยนถ่าย ก็จะทำให้เกียร์ของคุณอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานได้อีกยาวนาน 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง