เผยวิธีทําให้แอร์รถยนต์เย็นเร็ว แถมแอร์ไม่พังไว ยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
แอร์รถยนต์ไม่เย็น สาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง
1. น้ำยาแอร์รถยนต์หมด เพราะท่อแอร์และข้อต่อรั่ว
2. ไส้กรองแอร์รถยนต์อุดตัน
3. แผงคอยล์ร้อนมีปัญหา
4. ลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์แอร์หลวม
5. ชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตัน เสื่อมคุณภาพ
6. คลัตช์ลื่นหรือจับไม่สนิท
7. สายพานคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์หย่อน
8. เครื่องยนต์มีความร้อนสูง
วิธีเปิดแอร์รถยนต์ที่ถูกต้อง และแอร์เย็นเร็ว
การสตาร์ทรถยนต์ก่อน แล้วค่อยเปิดแอร์
ทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถยนต์ ควรเช็คปุ่มควบคุมคอมเพรสเซอร์ (A/C) ว่าปิดอยู่ไหม ถ้ายังไม่ปิด ต้องกดปิดก่อนที่จะเริ่มสตาร์ทรถยนต์ เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์เป็นตัวฉุดกำลังของไฟฟ้าในขณะที่จะสตาร์ทรถยนต์ และควรทิ้งเวลาไว้สักพัก จากนั้นถึงเปิดแอร์ได้ เพื่อรักษาคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ให้ถูกกระชากไฟ
การเปิดใช้ความเร็วจากพัดลมก่อน
หลังจากสตาร์ทรถยนต์และเปิดแอร์แล้ว ควรทำการเปิดแอร์โดยใช้ความเร็วของพัดลมเสริมก่อน เพื่อเป็นการไล่ความร้อนในระบบแอร์ออกไป หลังจากนั้นจึงค่อยปิดปุ่ม A/C และค่อยปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
ปรับอุณหภูมิสูงขึ้น แทนการปิดช่องแอร์หนี
หลังจากเปิดแอร์แล้ว ถ้ารู้สึกว่าในรถของคุณเย็นเกินไป ห้ามปิดช่องแอร์ทันที แต่ควรจะปรับอุณหภูมิของแอร์ให้สูงขึ้น เพื่อที่คอมเพรสเซอร์จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก
ปิดแอร์ก่อนถึงปลายทาง
ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางประมาณสัก 3 – 5 นาที หรือประมาณ 200 - 300 เมตร ให้ปิดปุ่ม A/C และเปิดพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุด เพราะวิธีนี้จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ พร้อมทั้งยังไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็นได้
สาเหตุที่ทำให้แอร์ พังเร็ว
เลี่ยงการใช้น้ำหอมหรือสเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์
เพราะสารเคมีอาจระเหยและถูกดูดเข้าไปสะสมตัวที่ครีบเล็กๆ ของคอยล์เย็น เลยส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น และจะทำให้เกิดผลเสียตามมาต่อระบบการทำงานของคอยล์เย็นได้
เลี่ยงการเปิดกระจกขณะขับรถยนต์
เพราะการเปิดกระจกในระหว่างที่ยังขับรถและเปิดแอร์อยู่นั้น อาจทำให้ฝุ่นละอองต่างๆ เข้าไปอุดตันในตู้แอร์ได้เร็วยิ่งขึ้น แถมการเปิดกระจกขับรถนั้นยังทำให้รถยนต์กินน้ำมันมากขึ้นด้วย
เลี่ยงการเปิดแอร์ทันทีหลังสตาร์ทรถยนต์เสร็จ
เพราะภายในรถยังมีความร้อนอยู่มาก จึงควรเปิดกระจกหน้าต่างและเปิดเฉพาะพัดลมก่อน เพื่อไล่ความร้อนและลดอุณหภูมิภายในรถยนต์เสียก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยเปิดแอร์ภายในรถได้
วิธีดูแลรักษาแอร์รถยนต์ให้เย็นฉ่ำอยู่เสมอ
การล้างแอร์และเปลี่ยนไส้กรองแอร์
ควรล้างแอร์ทุกๆ 2 ปี หรือทุก 30,000 กิโลเมตร เพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรกในระบบแอร์ การเปลี่ยนไส้กรองแอร์ ควรเปลี่ยนทุก 1 ปี หรือเปลี่ยนเมื่อรถยนต์ครบระยะ 20,000 กิโลเมตร ถ้าคนเป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจควรเปลี่ยนกรองแอร์ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร
หมั่นตรวจสอบน้ำยาแอร์อยู่เสมอ
รถยนต์ยังคงใช้ระบบหล่อเย็นสำหรับการทำความเย็นให้แอร์อยู่เช่นกัน การตรวจสอบสารหล่อเย็นที่มีอยู่ในคอมเพรสเซอร์ และคอนเดนเซอร์หรือคอยล์ร้อนเป็นเรื่องสำคัญ ควรหมั่นตรวจสอบทุก 6 เดือน
การรักษาความสะอาดในห้องโดยสาร
การทำความสะอาดดูดฝุ่นและสิ่งสกปรกอยู่เป็นประจำ จะช่วยลดปัญหาการสะสมของฝุ่นในช่องแอร์ที่เป็นสาเหตุของการทำให้แอร์ตันได้ นอกจากนั้นการเก็บสิ่งของออกจากรถ ก็สามารถทำให้อากาศไหลเวียนได้ดีมากขึ้นด้วย
การจอดรถในที่ร่มและการใช้ที่บังแดด
การจอดรถในที่ร่ม นอกจากจะช่วยถนอมสีตัวถัง และส่วนประกอบต่าง ๆ ของรถแล้ว ยังทำให้แอร์รถยนต์เย็นเร็ว และควรใช้ที่บังแดดหน้ารถชนิดป้องกันรังสี UV อยู่เสมอ เพื่อช่วยป้องกันความร้อนได้ในระดับนึง
การตั้งอุณหภูมิของแอร์รถยนต์ ควรตั้งประมาณกี่องศา?
ควรตั้งอุณหภูมิของแอร์ให้เหมาะสมกับภายในรถและไม่ควรตั้งให้เย็นจนเกินไปเพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา โดยการเปิดแอร์ในรถควรปรับระดับพัดลมของแอร์ให้อยู่ในระดับปานกลาง หากเป็นระบบอัตโนมัติ ก็ให้เปิดแอร์ในระดับความเย็นปกติที่ 23-25 องศาเซลเซียส
การดูแลรักษาแอร์รถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยให้แอร์เย็นฉ่ำท้าทายอำนาจอากาศในเมืองไทยแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์และระบบแอร์ได้อีกด้วย