สงสัยมานาน! ทำไมรถกระบะ 4 ประตู ถึงเสียภาษีแพงกว่ากระบะ 2 ประตู
ทำไมรถกระบะ 4 ประตู ถึงเสียภาษีแพงกว่ากระบะ 2 ประตู?
เนื่องจากการจัดเก็บภาษีประจำปีรถยนต์ของไทย รถกระบะ 4 ประตู จะถือว่าเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งเช่นเดียวกับรถเก๋ง แตกต่างจากรถกระบะแค็บ 2 ประตูที่เน้นการใช้งานเชิงพาณิชย์และเกษตรกรรม จึงมีการจัดเก็บภาษีต่ำกว่า (แม้ว่าความเป็นจริงแล้วคนไทยจะใช้งานกระบะ 2 ประตู เสมืิอนรถส่วนบุคคลด้วยก็ตาม)
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้การจัดเก็บภาษีของรถกระบะ 4 ประตู คิดอัตราภาษีตามความจุกระบอกสูบ (CC) เช่นเดียวกับรถเก๋ง ซึ่งโดยมากแล้วรถกระบะที่ใช้กันทั่วไปจะมีเครื่องยนต์ขนาดตั้งแต่ 2,000 ซีซี ไปจนถึง 3,200 ซีซี สูงกว่ารถเก๋งกลุ่ม C-segment ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี ลงมา ทำให้ภาษีของรถกระบะ 4 ประตู ต่างจากรถกระบะ 2 ประตู ที่คิดภาษีตามน้ำหนัก
โดยปกติแล้วรถกระบะ 4 ประตู จะเสียภาษีประจำปีประมาณ 4,000 - 7,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ ขณะที่กระบะ 2 ประตู จะเสียภาษีอยู่ที่ประมาณพันกว่าบาท ไม่เกิน 1,500 บาทเท่านั้นเอง
เอกสารที่ต้องเตรียม
และในส่วนของเอกสารที่ต้องเตรียมนั้น มีแค่ 3 อย่างเท่านั้น
สมุดเล่มทะเบียนรถ
- หลักฐานการทำ พ.ร.บ.
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถ
นอกจากนี้ คุณสามารถดำเนินการเสียภาษีประจำปีได้ล่วงหน้า 3 เดือนก่อนที่ทะเบียนจะขาด หากปล่อยให้ทะเบียนขาดไปแล้ว จะมีค่าปรับเดือนละ 1% ที่เลยกำหนด และถ้าหากทะเบียนขาดเกิน 3 ปี รถจะถูกระงับการใช้งานทันที ต้องเสียค่าปรับย้อนหลังและทำเรื่องจดทะเบียนใหม่ ที่จะทำให้คุณเสียเวลาเป็นอย่างมาก และถ้าหากถูกเจ้าหน้าที่จับระหว่างที่ทะเบียนขาด จะถูกดำเนินคดีและมีค่าปรับตามมาหลักหมื่นบาท เพราะเหตุนี้เราจึงแนะนำให้หมั่นต่อภาษีทุกปี อย่าให้ทะเบียนขาดจะเป็นการดีกว่าครับ