5 เหตุผลทำไมควรยิ่งล้างรถในหน้าฝน
ช่วงหน้าฝนที่มีฝนตกบ่อยเกือบทุกวันแบบนี้ คนมีรถส่วนใหญ่มักจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องล้างรถก็ได้ เพราะฝนก็ช่วยชะล้างคราบสกปรกออกไปแล้ว บ้างก็คิดว่าล้างรถไปก็เท่านั้น พอฝนตกรถก็เปียกอยู่ดี เสียเงินล้างรถเปล่า ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ยิ่งฝนตกบ่อย ยิ่งต้องดูแลรถและล้างรถให้บ่อยกว่าเดิม
1 มีคราบสกปรกฝังแน่น - ฝนที่ตกลงมาจะพัดพาฝุ่นละออง มลพิษต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในอากาศมาเกาะติดบนตัวรถ เมื่อน้ำระเหยไปจะเหลือคราบสกปรกฝังแน่นอยู่บนผิวรถ ทำให้สีรถหมองคล้ำ นอกจากนี้ คราบยางมะตอยและคราบใบไม้ที่เกาะติดกับตัวรถ เมื่อโดนฝนจะยิ่งทำให้คราบเหล่านี้จับตัวกันแน่นขึ้น ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นาน ยิ่งล้างออกยาก
2 อาจก่อให้เกิดสนิม - น้ำฝนในปัจจุบันมีฤทธิ์เป็นกรดเล็กน้อย เนื่องจากมลพิษทางอากาศ เมื่อน้ำฝนตกลงมาและเกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะทำปฏิกิริยากับผิวรถ ทำให้เกิดรอยด่างและสนิมได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่สีรถลอกหรือมีรอยขีดข่วน นอกจากนี้ คราบเกลือที่เกาะติดบนตัวรถก็มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ทำให้สีรถเสียหายและเกิดสนิมได้เร็วขึ้น
3 ซากแมลงตาย - เมื่อขับรถขณะฝนตก แมลงจะมาชนกับกระจกหน้ารถและตัวรถ ทำให้เกิดคราบแมลงติดอยู่ หากปล่อยทิ้งไว้นาน คราบแมลงจะแข็งตัวและยากต่อการขจัดออก
4 เป็นอันตรายต่อสีรถ - คราบสกปรกที่เกาะติดบนตัวรถเป็นเวลานาน จะทำให้สีรถหมองคล้ำและเกิดรอยด่าง แสงแดดและอุณหภูมิที่สูงจะทำปฏิกิริยากับคราบสกปรกที่เกาะอยู่บนตัวรถ ทำให้สีรถซีดเร็วขึ้น
5 ทัศนวิสัยไม่ชัดเจน - คราบฝน คราบแมลง และคราบสกปรกอื่นๆ ที่เกาะติดบนกระจกหน้ารถจะบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ทำให้มองเห็นถนนได้ไม่ชัดเจน และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
การล้างรถหน้าฝน ทำอย่างไร?
การทิ้งรถให้ตากฝนหรือขับรถเปียกฝน หลายท่านอาจมองว่าไม่เป็นไรเพราะเดี๋ยวฝนก็ตกอีก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง การล้างรถหน้าฝนยังคงต้องล้างเพื่อทำความสะอาดเป็นประจำอยู่เสมอ สำหรับหลักการล้างรถในช่วงหน้าฝนมีอะไรบ้างที่จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
วิธีล้างรถทันทีหลังฝนตก
ทุกครั้งหลังฝนตกควรทำการล้างรถเพื่อให้สิ่งสกปรกต่างๆ หลุดออกจากตัวรถโดยไว รวมไปถึงการปรับสภาพพื้นผิวที่ถูกน้ำที่อาจจะมีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างสูงให้กลับมามีสภาวะปกติ ถ้าหากล้างไปแล้วเจอฝนตกอีกครั้งโดยที่ยังไม่ได้ขับรถออกไปไหน การฉีดน้ำล้างตัวถังรถอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการรีบจัดการกับคราบน้ำ คราบโคลนต่างๆ ให้หลุดออกจากตัวถังรถอย่างรวดเร็วที่สุด
1.ฉีดล้างช่วงล่าง และซุ้มล้ออยู่เสมอ
ซุ้มล้อบังโคลนเป็นแหล่งสะสมของคราบโคลนที่จะค่อยๆ เกาะแน่น และพอกพูนจนกลายเป็นคราบดินแข็งทำให้ล้างออกได้ยาก รวมไปถึงช่วงล่าง และตัวถังรถที่มักจะถูกโคลนกระเด็นใส่เป็นประจำ
2.ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
สำหรับการล้างรถด้วยวิธีการปกติอาจไม่เพียงพอ การใช้แรงดันสูงจะช่วยทำให้คราบฝังแน่นเหล่านั้นหลุดออกมาได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในจุดที่เราไม่สามารถเอื้อมมือเข้าไปขัดถูได้นั่นเองครับ
3.ล้างรถให้ถูกวิธี
ควรฉีดน้ำไล่จากข้างบนลงไปสู่ข้างล่างเพราะจะทำให้การทำความสะอาดทำได้ง่ายมกาขึ้น และพื้นที่ตัวถังช่วงล่างจะได้รับการหล่อน้ำอยู่เสมอซึ่งช่วยให้คราบฝังแน่นหลุดออกได้ง่ายกว่า
4.ควรล้างรถเป็นประจำ
โดยการล้างรถควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งดีที่สุด เพื่อเป็นการตรวจเช็คบำรุงรักษาและลงแว็กซ์เคลือบรถให้เงางาม จะได้ช่วยปกป้องสีรถ การลงแว็กซ์เป็นประจำจะทำให้คราบฝังแน่นต่างๆ เกาะติดตัวถังรถได้ยากขึ้น แน่นอนว่าทำให้การทำความสะอาดสามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วยนะครับ
การไม่ล้างรถในช่วงที่ฝนตกหรือในฤดูฝนเท่ากับว่าเรากำลังปล่อยปละละเลย ทำให้รถของคุณหมองคล้ำ ไม่สวยสดใสอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นการทำร้ายรถทางอ้อมนะครับ ฉะนั้นการล้างรถหน้าฝนบวกกับความพิถีพิถันเข้าไปถือว่ามีความจำเป็นอย่างมากเลย อีกทั้งยังเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานรถของคุณได้อีกด้วย