ทำความรู้จัก “น้ำมันเบรก”
น้ำมันเบรกคือ น้ำมันไฮโดรลิก(Hydraulic Oil) เป็นของเหลวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางการถ่ายทอดกำลัง หากอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ เมื่อเราเหยียบเบรก แรงดันที่เราเหยียบนั้นจะถูกถ่ายทอดไปที่น้ำมันเบรกส่งผ่านไปยังลูกสูบเบรก เพื่อให้เกิดการเสียดสีระหว่างจานเบรกกับผ้าเบรก จึงทำให้เราสามารถหยุดหรือชะลอความเร็วของรถได้ตามต้องการ
นอกจากจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางแล้ว น้ำมันเบรกยังช่วยหล่อลื่น รวมถึงช่วยบำรุงรักษาและป้องกันการสึกหรอของระบบเบรกได้ด้วย
น้ำมันเบรกที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร
น้ำมันเบรกเป็นส่วนประกอบหนึ่งของรถยนต์ที่ผู้ขับขี่ไม่ควรละเลย เราลองมาดูกันว่า น้ำมันเบรกที่ดีนั้น ควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
- น้ำมันเบรกที่ดีจะต้องมีจุดเดือดที่สูง เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพที่ดีในการเบรก
- มีจุดเดือดที่สูง ระเหยได้ยาก
- เป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลังจากแป้นเบรกสู่ระบบเบรกได้ดี
- ทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่นที่ดี ป้องกันการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในระบบเบรก
- มีความหนืดที่ดี ทั้งในอุณหภูมิที่ร้อนและเย็นจัด
- ไม่กัดกร่อนโลหะหรือยาง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ในระบบเบรก
น้ำมันเบรกควรเปลี่ยนทุกกี่กิโลเมตร?
โดยทั่วไปแล้ว คู่มือรถยนต์จะระบุระยะทางในการเปลี่ยนน้ำมันเบรกไว้ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรกทุกๆ 2-3 ปี หรือ 40,000 - 60,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและชนิดของน้ำมันเบรก
อาการที่บ่งบอกว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเบรก
หากพบว่ารถมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบนำรถเข้ารับการตรวจเช็กระบบเบรกและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกเมื่อจำเป็น
- เบรกไม่ค่อยอยู่ - เบรกต้องเหยียบลึกขึ้นกว่าปกติจึงจะหยุดรถได้
- เบรกค้าง - เบรกไม่คลายตัวหลังจากปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก
นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเช็กระบบเบรก คือ
- รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนเมื่อเบรก - อาจเกิดจากผ้าเบรกสึกหรอ หรือระบบเบรกมีปัญหา
- มีเสียงดังขณะเบรก - อาจเกิดจากผ้าเบรกสึกหรอ หรือจานเบรกบิดเบี้ยว
สรุป
น้ำมันเบรกนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญกับระบบภายในรถยนต์ที่ส่งผลในเรื่องความปลอดภัยของผู้ขับขี่โดยตรง เพราะฉะนั้นเจ้าของรถจึงไม่ควรละเลยในการตรวจเช็กและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกอยู่เสมอ เพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน