ไฟฉุกเฉิน
คือระบบไฟในรถยนต์ที่วิธีการใช้งานนั้นง่ายเพียงนิดเดียว นั่นคือการกดปุ่มสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม จากนั้นที่ไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้าและด้านหลังสี่ด้านก็จะกะพริบพร้อม ๆ กัน
การใช้ไฟฉุกเฉินที่ถูกต้อง
ไฟฉุกเฉินมีไว้สำหรับ “รถที่จอดเสีย” ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
ตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. จราจร มาตรา 9 และกฏหมาย ข้อ 11 ให้ใช้ไฟฉุกเฉินได้ ดังนั้น ไฟฉุกเฉินสามารถใช้ได้ในกรณีรถเสียที่จอดอยู่กับที่เท่านั้นนะครับ
ดังนั้นวันนี้อีซูซุจะมาแนะนำว่า ควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินนี้ในกรณีไหนบ้าง
1. กรณีรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวรถได้ จึงต้องเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนให้คนอื่นๆ ระมัดระวัง
2. กรณีที่ชะลอความเร็วรถเมื่อพบเจออุบัติเหตุหรือมีสิ่งกีดขวางบนทางข้างหน้า
อย่างไรก็ตามไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินทำงานเป็นระยะเวลานาน ในขณะที่เครื่องยนต์ดับอยู่ ไม่เช่นนั้นแบตเตอรี่อาจไฟหมด ทำให้ไม่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ได้
การใช้ไฟฉุกเฉินที่ผิด
การเปิดไฟฉุกเฉินขณะที่รถวิ่งอยู่
อาจจะก่อให้เกิดอันตรายเวลาที่เราต้องการเปลี่ยนเลนได้ เพราะผู้ใช้รถท่านอื่นหรือรถที่ขับตามหลังนั้นไม่สามารถรู้ได้ว่าเรานั้นกำลังจะเลี้ยวไปทางซ้ายหรือทางขวา
- การเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อต้องการวิ่งทางตรงเวลาผ่านสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร
ซึ่งการทำแบบนี้เป็นการทำตามกันในแบบผิดกันอย่างมาก การใช้ไฟฉุกเฉินในลักษณะนี้จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากผู้ใช้รถท่านอื่นอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเรานั้นกำลังจะเลี้ยวไปทางซ้ายหรือทางขวาก็เป็นได้
- การใช้ไฟฉุกเฉินขณะฝนตกหนักหรือทัศนวิสัยในการขับขี่ที่แย่
จะทำให้ผู้ขับรถตามหลังมา รวมถึงผู้ร่วมใช้ถนนอื่นๆ ไม่สามารถรับรู้ถึงความต้องการของเราได้ ว่าต้องการจะเปลี่ยนเลนไปทางซ้าย หรือทางขวา หรือต้องการที่จะจอด และแสงไฟจากไฟฉุกเฉินที่เราเปิดอยู่นั้นจะเกิดการส่องสว่างที่จ้าขึ้น อาจทำให้สายตาของผู้ที่ขับขี่รถด้านหลังเราเกิดการพร่ามัว และประสบอุบัติเหตุได้
- การใช้ไฟฉุกเฉินเมื่อมีการจอดซื้อของริมถนน
หรือบางครั้งก็จะมีการจอดริมฟุตบาทที่มีเส้นขาวแดงแล้วเปิดไฟฉุกเฉิน ซึ่งการทำแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ผิดเช่นกัน