แนะนำ! ไม่อยากให้รถเปื้อนขี้นก อย่าซื้อรถสีเหล่านี้
แนะนำ! ไม่อยากให้รถเปื้อนขี้นก อย่าซื้อรถสีเหล่านี้

รถยนต์ "สีแดง" มีโอกาสที่จะถูกนกทิ้งคราบมูลสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 อยู่ที่ 18% ตามด้วย "สีน้ำเงิน" เป็นอันดับที่ 2 อยู่ที่ 14% ส่วนสีตัวถังที่มีโอกาสเสี่ยงมูลนกตกใส่น้อยที่สุดกลับกลายเป็น "สีเขียว" ซึ่งผลสำรวจระบุว่ามีเพียง 1% เท่านั้น

     แม้ว่าจะไม่มีทฤษฎีที่ชัดเจนออกมารองรับว่าทำไมนกจึงเลือกที่จะปล่อยมูลใส่รถสีใดสีหนึ่งมากเป็นพิเศษ แต่เจ้าของรถ Lexus รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า นกจะเลือกปล่อยมูลใส่รถที่เพิ่งล้างเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากพวกมันสามารถมองเห็นเงาสะท้อนบนตัวถังได้ ขณะที่เจ้าของรถ Ford รายหนึ่งระบุเพิ่มเติมว่า สีรถเฉดเข้ม เช่น สีดำ, สีแดง, สีน้ำเงิน ฯลฯ จะยิ่งเพิ่มเงาสะท้อนของพวกมันให้สามารถมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีโอกาสที่จะถูกมูลนกตกใส่ได้มากกว่า

     

5 เทคนิคจัดการกับ 'ขี้นก' เพื่อป้องกันไม่ให้สีรถเสียหาย

1.ล้างออกทันที

     หากขี้นกหยดแหมะให้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้วล่ะก็ ทางที่ดีควรรีบล้างออกเสียแต่เนิ่นๆ (แต่ถ้าขับรถอยู่ก็ปล่อยไว้ก่อนดีกว่า) ควรล้างด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่เปรอะเปื้อนไปด้วยมูลนก ไหลไปทำร้ายสีส่วนอื่นอีก แต่หากไม่มีน้ำ ก็ควรใช้กระดาษทิชชู่เช็ดออกทันที

 

2.จัดการมูลนกแห้ง

     บางครั้งจอดรถทิ้งไว้กลางแจ้ง กลับมาอีกทีก็เพิ่งรู้ตัวว่าโดนทิ้งบอมม์ไว้แล้ว ให้รีบนำน้ำสะอาดราดใส่มูลนกเพื่อให้อ่อนตัวลง ก่อนที่จะเช็ดออกอีกครั้ง ไม่ควรแคะมูลนกขณะที่แห้งอยู่ เพราะจะเป็นการทำให้ชั้นเคลือบสีหลุดออกมาด้วย

 

3.ล้างรถซะเลย

     ทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา ก็คือการล้างรถทั้งคันควบคู่ไปกับการใช้น้ำยาล้างรถ และจะดีขึ้นไปอีกถ้าเคลือบสีหลังล้างเสร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้มูลนกสามารถทำร้ายชั้นสีได้โดยตรง


4.เปลี่ยนที่จอดใหม่

     หากที่จอดรถประจำของคุณมักโดนขี้นกตกใส่อยู่บ่อยๆ เช่น ใต้ต้นไม้ ใต้อาคารที่มีขื่อหลังคา ฯลฯ ถ้าสามารถเลี่ยงไปจอดที่อื่นในจุดที่ไม่มีขี้นกตกใส่ได้ก็ควรเลี่ยง แต่หากเลี่ยงไม่ได้ จะลองหาผ้าคลุมรถมาคลุมไว้ก็ดีเหมือนกัน

 

5.ล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสขี้นก

     มูลนกเต็มไปด้วยเชื้อโรคที่มาจากนก ดังนั้น ทุกครั้งที่สัมผัสกับมูลนก ควรรีบล้างมือตามทันที โดยเฉพาะซอกเล็บที่อาจเข้าไปติดได้

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง