1. รถมือสองราคาตก - การทำสงครามราคาของรถไฟฟ้าสัญชาติจีน รวมถึงการเพิ่มความเข้มข้นด้านการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ของบริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ ล้วนแต่ส่งผลให้รถยนต์มือสองมีราคาลดลงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสดีสำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์มือสองเอาไว้ใช้งาน

2. แบกรับค่าเสื่อมน้อยกว่า - วลียอดฮิตที่พูดกันติดปากว่า "รถเท่ากับลด" ก็ยังคงใช้ได้เสมอมาจนถึงปัจจุบัน เพราะทันทีที่ถอยรถป้ายแดงออกจากโชว์รูม มูลค่าก็หล่นหายไปตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาทแล้ว และเมื่อผ่านการใช้งานไป 5-7 ปี มูลค่าก็อาจลดลงเหลือเพียง 30-40% จากสมัยป้ายแดง ขณะที่รถยนต์มือสองไม่จำเป็นต้องแบกรับค่าเสื่อมมากขนาดนั้น เพราะเจ้าของเดิมเป็นฝ่ายรับค่าเสื่อมในช่วงแรกไปแล้วนั่นเอง

     แม้ว่ามูลค่าของรถจะค่อยๆ ลดลงตามอายุการใช้งาน แต่ผู้ที่ซื้อรถมือสองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงค่าเสื่อมมากนัก เพราะเมื่อถึงเวลาขายต่อให้กับผู้ซื้ออีกทอด คุณก็มักจะขาดทุนน้อยกว่าเจ้าของมือแรกอยู่ดี เนื่องจากอัตราการเสื่อมมูลค่าจะค่อยๆ ลดลงตามอายุของตัวรถด้วยเช่นกัน

3. มีโอกาสผ่านไฟแนนซ์ได้ง่ายกว่า - เมื่อรถมือสองมีราคาจำหน่ายถูกกว่ารถป้ายแดง โอกาสได้รับการอนุมัติจากสถาบันสินเชื่อก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากมีค่างวดที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับสมัยที่ยังเป็นรถป้ายแดง อีกทั้งรถมือสองหลายคันในท้องตลาดอาจไม่จำเป็นต้องวางเงินดาวน์ด้วยซ้ำไป

4. ได้รถที่ตรงใจมากกว่า - การซื้อรถมือสองจะช่วยให้คุณได้เป็นเจ้าของรถที่ตรงใจมากกว่า เพราะหากคุณกำเงินสด 6 แสนบาทไปซื้อรถป้ายแดง รถที่ได้ก็คงไม่หนีพ้นตระกูลอีโคคาร์ทั้งหลาย แต่หากเปลี่ยนเป็นรถมือสองแล้วล่ะก็ คุณอาจได้รถ D-segment อดีตค่าตัวหลักล้านบาทที่ยังคงอยู่ในสภาพดี แลกกับอายุการใช้งานเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

5. มีแหล่งข้อมูลการซ่อมบำรุงมากกว่า - รถยนต์มือสองแต่ละรุ่นมีแหล่งข้อมูลการซ่อมบำรุงที่หลากหลาย คุณเองก็สามารถศึกษาปัญหาเฉพาะตัวของรถแต่ละรุ่น และเตรียมรับมืออย่างถูกวิธีก่อนเป็นเจ้าของได้ จะช่วยให้ประหยัดงบการซ่อมบำรุงในอนาคต แต่หากเป็นรถป้ายแดงล่ะก็ คุณแทบจะไม่มีโอกาสทราบถึงปัญหาในระยะยาวของรถรุ่นนั้นได้เลย