“รีแมพ” (Remap) คืออะไร ทำให้รถแรงและประหยัดขึ้นจริงเหรอ? 

รีแมป คืออะไร?
การรีแมป (Remap) คือ การปรับแต่งโปรแกรมควบคุมเครื่องยนต์ (ECU - Engine Control Unit) เพื่อเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆ ที่ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เช่น ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง ปริมาณอากาศ และจังหวะการจุดระเบิด โดยหวังผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้ดีขึ้นกว่าค่ามาตรฐานที่โรงงานกำหนดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้รถมีกำลังเพิ่มขึ้นและตอบสนองได้ดีขึ้น

รีแมป แล้วแรงขึ้นจริงหรือ?
การรีแมปสามารถเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ได้จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องยนต์และวิธีการรีแมป โดยทั่วไป การรีแมปจะช่วยเพิ่มแรงม้า (horsepower) และแรงบิด (torque) ทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดีขึ้นและตอบสนองได้ทันใจมากขึ้น

รีแมป เสียค่าใช้จ่ายครั้งละกี่บาท?
ค่าใช้จ่ายในการ Remap แต่ละครั้งขึ้นอยู่กับรุ่นรถ และอู่ที่ดำเนินการ โดยอาจมีราคาตั้งแต่ 2,500 บาท ไปจนถึง 20,000 บาท (หรือมากกว่านั้น)

การเปลี่ยนแปลงหลังจาก รีแมพ คืออย่างไร…
ส่วนใหญ่จะมาในเรื่องรู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของสมรรถนะรถยนต์ภายหลังการปรับแต่งโปรแกรมสมองกลของรถยนต์ เช่น รถวิ่งขึ้นความเร็วรอบไหลลื่นขึ้น ซึ่งการตอบสนองจุดนี้จะมากน้อยก็จะไปตามพื้นฐานของรถแต่ละคัน เช่น รถที่มีระบบอัดอากาศจะสามารถเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ เพราะรถที่มีระบบอัดอากาศ สามารถตั้งค่าปริมาณอากาศที่อัดเข้าไปในกระบอกสูบได้มากขึ้นด้วยการเพิ่มปริมาณอากาศ (ภาษาชาวบ้านเรียกเพิ่มบูสต์) เช่น เดิมๆ บูสต์โรงงานตั้งอยู่ที่ 0.8 บาร์ ก็เพิ่มเป็น 1 บาร์ หรือ 1.2 บาร์ เป็นต้น จึงสามารถเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ได้โดยง่าย โดยการเพิ่มบูสต์เข้าไปก็ต้องอาศัยปริมาณน้ำมันที่เหมาะสมด้วย

สิ่งที่ต้องระวังก่อนการรีแมป
แม้ว่าการรีแมปจะช่วยเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ได้จริง แต่ก็มีความเสี่ยงที่ควรระวังเช่นเดียวกัน เริ่มจากผลกระทบต่อเครื่องยนต์ในระยะยาว หากรีแมปไม่เหมาะสม อาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่ากำหนด

นอกจากนี้ การรีแมปอาจส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และอาจทำให้หมดระยะประกันจากศูนย์บริการ อีกทั้งการรีแมปกับช่างที่ไม่ชำนาญ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้ ดังนั้น การเลือกร้านรีแมปที่มีความชำนาญและประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาข้อดีข้อเสียให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

สิ่งสำคัญ รีแมพ รถจะหมดประกันคุณภาพไหม….
ถ้าทำการตรวจสอบจริงๆ ก็อาจจะยากครับว่ารถคันนี้ทำมาหรือป่าว แต่ก็ยังสามารถนำรถเข้าศูนย์บริการได้ตามปกติชิ้นส่วนไหนเกิดปัญหาจากตัวผลิตภัณฑ์ก็เคลมได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดจากผู้ผลิตรถยนต์ ทำไมถึงไม่หมดประกัน ก็เพราะโดยปกติไม่มีใครมานั่งเช็กรถทีละคันหรอกครับว่า โปรแกรมการจ่ายน้ำมัน ส่วนผสมอากาศ บลาๆ ของรถแต่ละคันนั้นแตกต่างไปจากโปรแกรมพื้นฐานที่ถูกตั้งค่ามาจากโรงงาน