เติมน้ำมันเชื้อเพลิงผิดต้องทำยังไง?
เติมน้ำมันเชื้อเพลิงผิดต้องทำยังไง?

เติมน้ำมันเชื้อเพลิงผิดต้องทำยังไง? 

กรณีเครื่องยนต์ดีเซล แต่เติมน้ำมันเบนซิน

1.มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียจำนวนมากกว่าปกติ เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ สะดุด และดับในที่สุด
2.สตาร์ทติดยาก หรือสตาร์ทไม่ติดเลย 
3.หัวฉีดเกิดการเผาไหม้เร็วเกินไป ทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลังและดับลงในทันที
4.อุปกรณ์ของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย อาทิ ไส้กรองน้ำมันดีเซล ปั๊มหัวฉีดแรงดันสูง และหัวฉีดดีเซล

กรณีเครื่องยนต์เบนซิน แต่เติมน้ำมันดีเซล
1.หัวฉีดอุดตัน เนื่องจากน้ำมันดีเซลมีค่าความหนืดมากกว่าเบนซิน เมื่อฉีดออกมาไม่เป็นฝอยละออง จึงทำให้หัวเทียนจุดประกายไฟ และเกิดการเผาไหม้ได้ยากทำให้เครื่องยนต์ดับ
2.ไส้กรองเบนซินอุดตัน และเขี้ยวหัวเทียนมีคราบเขม่าจับมาก
3.เครื่องยนต์มีเสียงดังขณะเร่งความเร็ว อัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติ และไม่สามารถทำความเร็วได้ดีเหมือนปกติ
4.สัญลักษณ์ไฟเตือนรูปเครื่องยนต์โชว์ขึ้น เป็นสาเหตุให้เครื่องยนต์ดับและสตาร์ทไม่ติด

วิธีแก้ไขเมื่อเติมน้ำมันผิดประเภท กรณีที่รู้ตัวก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์

1. ห้ามสตาร์ทรถยนต์เด็ดขาด เพราะน้ำมันที่เติมเข้าไปยังไม่ได้ถูกดูดเข้าระบบเชื้อเพลิงในขณะนั้น 
2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ทำการดูดน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากถังให้หมด 
3. เติมน้ำมันที่ถูกต้องประมาณ 5-10 ลิตร 
4. สตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด
5. สังเกตสัญลักษณ์ไฟเตือนต่างๆ ว่ามีโชว์บนหน้าปัดหรือไม่
6. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ อาทิ  แอร์ ไฟแสงสว่าง หรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด-ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ว่ามีอาการสั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่
7. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งเกียร์ “D” หรือหากเป็นเกียร์ธรรมดาให้เหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่
8. ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปซักระยะ และรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์ 

กรณีที่สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วจนเครื่องหยุดทำงาน

1. กรณีที่เครื่องยนต์ยังไม่ดับ ให้ปิดสวิตช์ดับเครื่องยนต์ทันที
2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ทำการดูดน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากถังให้หมด
3. ถอดและเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงลูกใหม่
4. ถอดหัวฉีดและหัวเทียน  (กรณีเบนซิน) ล้างทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่
5. กรณีเครื่องยนต์ดีเซล ให้ถอดปั๊มหัวฉีดเครื่องยนต์ส่งไปร้านเทสปั๊มหัวฉีด
6. ถอดฝาสูบเครื่องยนต์ เช็กความบิดเบี้ยว ก้านวาล์ไอดี-ก้านวาล์วไอเสียว่าคดหรือไม่ (อาจจะต้องเปลี่ยนฝาสูบและก้านวาล์วทั้งไอดีและไอเสีย)
7.หลังจากทำตามข้อ 4-6 เรียบร้อยแล้วให้ประกอบเข้ากับเครื่องยนต์แล้วเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องใส่ในถังประมาณ 5-10 ลิตร
8. สตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850+/-50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด
9. สังเกตสัญลักษณ์ไฟเตือนต่างๆ ว่ามีโชว์บนหน้าปัดหรือไม่
10. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่างๆ อาทิ  แอร์ ไฟแสงสว่าง หรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด-ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ว่ามีอาการสั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่
11. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งเกียร์ “D” หรือหากเป็นเกียร์ธรรมดาให้เหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่
12. ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปซักระยะ และรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการเติมน้ำมันผิดประเภท

1. ตั้งสติ! ในการบอกน้องๆ ผู้คุมหัวจ่ายว่าเราต้องการน้ำมันชนิดใด ประเภทใด ชื่ออะไร เอาให้ชัด! ด้วยความที่ชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันคล้ายคลึงกันอย่างที่บอกไปข้างต้น อย่าลืมจำชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงที่คุณจะเติมให้แม่นยำ และบอกน้องๆ ผู้คุมหัวจ่ายอย่างชัดเจนด้วยนะครับ
2. เช็กให้ชัวร์! ด้วยการหันกลับไปสังเกตน้องๆ ผู้คุมหัวจ่ายสักนิดว่าคว้าหัวจ่ายน้ำมันถูกประเภทหรือไม่
3. ตรวจสอบดูใบเสร็จเพื่อเช็กรายละเอียดการเติมน้ำมันให้เรียบร้อย หากเกิดปัญหาในการเติมน้ำมันจะได้มีหลักฐานไปยืนยันในการแก้ไข

ทางที่ดี เมื่อเกิดเหตุการณ์การเติมน้ำมันผิดประเภทขึ้น อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งสำคัญ 2 สิ่งเหล่านี้เป็นหลัก นั้นคือ การมีสติ และ การได้รับบริการจากช่างที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องยนต์ต่างๆเพื่อเข้าทำการดูแลให้ความช่วยเหลือนะครับ

 

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง