ในอดีตย้อนไปสัก 30-40 ปีที่แล้ว รถยนต์ที่ขายทั้งในญี่ปุ่น และรถญี่ปุ่นที่ขายในไทยหลายรุ่น มักนิยมใช้ "กระจกมองข้างบังโคลนรถ" ที่นับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของรถญี่ปุ่นไปซะแล้ว
โดยเฉพาะคนเล่นรถญี่ปุ่นเก่าๆ หรือรถ Retro ต้องหามาติดแนวแบบนี้เลยล่ะ ถึงจะดูญี่ปุ้น ญี่ปุ่น ...
แต่บางคนก็อาจจะมองว่า ดูเกะกะ เชย ปรับมุมลำบากยากเย็น ต้องลงรถมาปรับทุกที (กรณีที่ไม่ใช้กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า) โดยในช่วงกลางยุค 80 รถญี่ปุ่นที่ขายในไทย จึงเริ่มแทนที่ด้วยกระจกมองข้างตรงมุมกรอบกระจกสามเหลี่ยมประตู หรือติดตั้งแบบเป็นแขนยื่นตรงประตูแทน
Siamcar จะมาเสนอเรื่องกระจกมองข้างบังโคลนรถกันครับ ว่าใช้งานง่ายไหม? ข้อดี ข้อเสีย และเหตุผลที่หายไป (จากในญี่ปุ่น และในไทย)
เริ่มตั้งแต่ในปี 1951 ในประเทศญี่ปุ่น ได้บังคับให้บริษัทรถยนต์ต้องติดตั้งกระจกมองข้างเพื่อตรวจสอบด้านหลังของรถ ในเวลานั้น กระจกบังโคลนรถถือว่าปลอดภัยกว่ากระจกมองหลัง เพราะมีจุดบอดน้อยกว่า และการเคลื่อนไหวของดวงตาน้อยกว่า ทำให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบด้านหลังของรถได้ง่าย (แต่คนที่ไม่ชิน ก็กะลำบากเอาเหมือนกัน)
โดยกระจกมองข้างในรูปทรงแบบนี้ ทางญี่ปุ่นได้อิทธิพลมาจากรถยนต์ของอังกฤษ ที่มีติดตั้งกระจกมองข้างรถไว้ที่ซุ้มล้อหรือบังโคลน ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 40 - ยุค 50
ในทางกลับกัน รถยุค 1960 ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา กระจกมองข้างติดประตูแบบโครเมียม กลับได้รับความนิยมกว่า ทำให้รถญี่ปุ่นที่ส่งออกไปจำหน่าย จึงต้องติดตั้งกระจกมองข้างไว้ที่ประตูรถแบบรถชาติอื่นๆ ตามไปด้วย กระจกมองข้างบังโคลนรถ จึงเหลือแค่ในญี่ปุ่นและในบางประเทศ
และประมาณปี 1977 เฉพาะรถยนต์นำเข้าเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้กระจกมองข้างที่ติดอยู่ข้างประตู หลังจากนั้นก็มีความต้องการอย่างมากจากผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ ในที่สุด ปี 1983 ทางภาครัฐ จึงได้มีการยกเลิกข้อบังคับห้ามใช้กระจกมองข้างที่ติดบริเวณข้างประตู สำหรับรถยนต์ที่ขายในประเทศญี่ปุ่น
โดย Nissan Pulsar EXA (นิสสัน พัลซ่าร์ อีเอ็กซ์เอ) นับเป็นรถญี่ปุ่นรุ่นแรกในประเทศญี่ปุ่น ที่เปลี่ยนมาติดตั้งกระจกมองข้างไว้ที่ประตูรถด้านข้าง ตามมาด้วย Toyota Corolla / Sprinter และผู้ผลิตรายอื่นๆ
แม้ตอนนี้ ตามกฎหมายแล้ว จะสามารถติดตั้งได้ทั้งกระจกมองข้างที่ประตู และที่บังโคลนรถ แต่ความนิยมก็ลดลงไปเรื่อยๆ เพราะโครงสร้างตัวรถเปลี่ยนไป ไม่เหมาะที่จะติดตั้ง จนเหลือแค่ในรถหรูหราแบบอนุรักษ์นิยม รถตำรวจ รถยนต์ใช้งานในเชิงพาณิชย์ หรือรถแท็กซี่บางคันเท่านั้น
ข้อดีของกระจกบังโคลนมี 3 ประการดังนี้
1. การเคลื่อนไหวของดวงตามีน้อย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องส่ายหัว เพื่อตรวจสอบมุมซ้าย-ขวา
เนื่องจากกระจกมองข้างติดบังโคลนอยู่ด้านหน้าของกระจกบานหน้า คนขับแทบไม่ต้องส่ายหัวเพื่อมองเวลาเปลี่ยนเลนรถ และเพียงแค่ขยับสายตาเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อใช้กระจกมองข้าง ช่วยให้ลดความเมื่อยล้าน้อยลง
2. มีจุดบอดเล็กน้อย
คุณสามารถมองเห็นพื้นที่กว้างทางด้านหลัง และด้านข้างได้ไกลกว่า กระจกติดบังโคลนหน้ามีจุดบอดน้อยกว่า (แม้ว่าภาพที่สะท้อนในกระจกจะเล็กกว่า) และให้มุมมองได้กว้างขึ้น
3. ตัวกระจกที่ยื่นออกมาด้านข้างน้อย เข้าที่แคบได้ง่าย
โดยทั่วไปแล้ว กระจกมองข้างติดบังโคลน จะมีระยะยื่นน้อยกว่ากระจกมองข้างที่ติดประตู นับเป็นข้อดีอีกอย่างคือ ขับรถในซอยแคบๆ ได้ง่าย และกระจกมองข้างติดบังโคลน ก็ให้มุมมองกว้างกว่า
สิ่งสำคัญ คือ คนขับแท็กซี่เหนื่อยน้อยลง และปลอดภัยมากขึ้นในการขับในตรอกซอกแคบๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมแท็กซี่จำนวนมาก จึงยังคงใช้กระจกมองข้างติดบังโคลน
นอกจากนี้ หากในที่นั่งผู้โดยสารมีสัมภาระขนาดใหญ่วางอยู่ อาจบังการมองเห็นกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารได้ หรือถ้ามีผู้โดยสารนั่งอยู่ข้างคนขับ ยังช่วยลดการเข้าใจผิดได้ด้วยว่า คุณกำลังแอบมองผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ