4 อาการรถเสี่ยงยางแตก และ ยางระเบิด!
4 อาการรถเสี่ยงยางแตก และ ยางระเบิด!

4 อาการรถเสี่ยงยางแตก และ ยางระเบิด! 

สัญญาณเสี่ยงรถยนต์ยางแตก ยางระเบิด
เมื่อเราใช้รถยนต์ไปสักระยะนึง แน่นอนว่าอุปกรณ์ต่างๆ ในรถอาจเสื่อมสภาพรวมไปถึง "ยาง" ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญมากๆ หากเราละเลยการตรวจเช็คสภาพ ก็อาจจะเป็นสาเหตุของ "ยางแตก" หรือ "ยางระเบิด" และทำให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่ วันนี้เลดี้จะมาแนะนำวิธีสังเกตุอาการที่บ่งบอกว่ายางของเราสุ่มเสี่ยงที่จะแตก มีอะไรบ้าง

1. หน้ายางเสื่อมสภาพ มีเสียงดังระหว่างการขับขี่และเลี้ยว
เป็นการสังเกตอาการจากการขับขี่ โดยอาศัยการฟังเสียงที่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเองในเบื้องต้น เพราะหากเราใช้รถคันเดิมอยู่เป็นประจำ การที่มีเสียงแปลกปลอมขึ้นขณะขับขี่ นั่นอาจเป็นสัญญาณที่กำลังเตือนคุณว่ายางรถเริ่มเสื่อมสภาพแล้วนะ หน้ายางอาจจะมีเนื้อที่แข็งกระด้าง ให้ความรู้สึกต่างไปจากเดิม ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยางแตกจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็คือ "หน้ายางเสื่อมสภาพนั่นเอง"

2. เกิดความผิดปกติบนผิวยาง
เวลาที่เราเติมลมยางจะเป็นโอกาสที่เราจะสามารถเช็คสภาพและดูความผิดปกติบนผิวยางได้ ซึ่งอาการเบื้องต้นมักจะพบร่องรอยที่เกิดขึ้นบริเวณรอบๆ ยาง อาทิ ยางบวม, แก้มยางแตก, มีรอยร้าว และดอกยางหมดสภาพ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดยางแตกได้ โดยร่องรอยและความผิดปกติเหล่านี้เกิดจาก "ยางเก่า ยางหมดอายุ หรือใช้งานมาอย่างหนักหน่วง"  

3. ใช้ความเร็วเกินเกณฑ์
การใช้ความเร็วสูงมีผลอย่างมากต่อความเสื่อมสภาพของยางรถยนต์ เพราะการใช้ความเร็วที่มากเกินกว่าที่ยางจะรับได้นั้นจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และทำให้ยางแตกหรือระเบิดได้ ซึ่งคุณสามารถเช็คความเร็วที่เหมาะสมของยางแต่ละชนิดได้บริเวณตัวอักษรที่ระบุไว้ตรงแก้มยาง ดังนั้นควรขับขี่ด้วยความเร็วที่กำหนดไว้ตามแต่ละชนิด 

4. บรรทุกของหนักมากเกินไป
รถยนต์ทั่วไปจะมีความสามารถในการบรรทุกไม่เท่ากัน โดยที่แต่ละคันจะมีค่าที่กำหนดไว้บนยางรถยนต์แต่ละคัน ว่าสามารถรองรับน้ำหนักสูงสุดได้เท่าไหร่ ซึ่งสามารถสังเกตุได้ตรงตัวเลขข้างแก้มยางเช่นเดียวกับความเร็วที่กำหนด นอกจากนี้การบรรทุกของหนักเกินไปก็ทำให้เปลืองน้ำมันและเกิดการเสื่อมสภาพของยางรถยนต์ด้วยเช่นเดียวกัน

  ยางรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรทำการเช็ก และตรวจสอบความพร้อมในการใช้งานอยู่บ่อยๆ โดยปกติแล้วยางรถยนต์จะมีอายุประมาณ 4-6 ปี แต่ทางเทคนิคส่วนใหญ่จะแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 3-5 ปี หรือราวๆ 50,000 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการยางแตก และระเบิด ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับผู้ขับขี่ และผู้ร่วมทางอีกด้วย  

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง