อัปเดต! กฎหมายเมาแล้วขับ ล่าสุด 2568
กฎหมายเมาแล้วขับฉบับใหม่ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง
สำหรับกฎหมายเมาแล้วขับฉบับล่าสุดนั้น บังคับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงวันที่ 20 กันยายน 2567 โดยภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับเหล่านักดื่มตัวยงกันเลยก็ว่าได้ เพราะข้อกฎหมายนั้นเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม บทลงโทษก็หนักขึ้น แถมยังลดช่องโหว่ของกฎหมายข้อเดิม เพื่อดักทางสำหรับนักดื่มที่เมาแล้วเกิดอาการ “หัวหมอ” ในส่วนของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เราได้สรุปเอาไว้ให้แล้วทั้งหมด 3 หัวข้อด้วยกัน ดังนี้
1. เกณฑ์ของปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย
ถ้าอ้างอิงจากกฎจราจรเกี่ยวกับการเมาแล้วขับเดิม เกณฑ์ของการวัดแอลกอฮอล์ในร่างกายจะอยู่ที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถ้าตรวจวัดแล้วเท่ากับหรือมากกว่าก็จะถือว่าเป็นผู้ที่ “เมาแล้วขับ” ในทันที แต่ในกฎหมายใหม่มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์วัดเพิ่มเติมเข้าไป สำหรับผู้ที่ยังอายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ , ยังใช้ใบขับขี่แบบชั่วคราว หรือ ยังไม่มีใบขับขี่ เกณฑ์ของการจะเป็นผู้เมาแล้วขับ เพียงมีแอลกอฮอล์ในร่างกาย 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว เพราะฉะนั้นนักดื่มรุ่นใหม่ระวังไว้ให้ดี
2. เพิ่มบทลงโทษให้มีความรุนแรงมากกว่าเดิม
ในส่วนของบทลงโทษเมาแล้วขับ ตามกฎหมายฉบับปี 2567 จะมีการปรับเพิ่มโทษให้รุนแรงมากกว่าเดิม โดยเฉพาะผู้ที่ “กระทำผิดซ้ำซาก” เพราะผู้ที่กระทำผิดครั้งแรก กฎหมายยังเอาผิดเหมือนเดิม คือการปรับเริ่มต้นที่ 5,000 บาท ไปจนถึง 20,000 บาท หรือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาคือ การกระทำผิดซ้ำในความผิดเมาแล้วขับ ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี จากการทำผิดครั้งก่อน จากเดิมที่โทษปรับจะอยู่ที่เริ่มต้น 10,000 บาท ไปจนถึง 100,000 บาท จะกลายเป็น ปรับเริ่มต้นถึง 50,000 บาท !! พร้อมจำคุก 2 ปี
3. เพิ่มข้อกำหนดสำหรับนักดื่มหัวหมอไม่ยอมเป่าวัดแอลกอฮอล์
เคยมีความเชื่ออันบิดเบี้ยว ในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการปาร์ตี้ แต่ไม่มีความรับผิดชอบ ด้วยเรื่องของการ “ปฏิเสธไม่เป่า” เพื่อหลีกเลี่ยงโทษจากการเมาแล้วขับ จนต้องใช้วิธีการอื่นเพื่อตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายแทน ซึ่งเสียเวลาต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ในกฎหมายเมาแล้วขับล่าสุดได้มีการกำหนดโทษเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อคุณปฏิเสธที่จะเป่าวัดแอลกอฮอล์ เท่ากับว่าคุณมีความผิดในฐานเมาแล้วขับทันที แถมยังมีโทษปรับเพิ่มเข้าไปอีก 1,000 บาท โทษฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน
เมาแล้วขับจนทำให้เกิดอุบัติเหตุประกันรับผิดชอบไหม ? มีโทษทางกฎหมายอย่างไร
ส่วนที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ เป็นโทษเมาแล้วขับในกรณีที่ถูกตรวจวัดได้ โดยที่ยังไม่ได้ประสบอุบัติเหตุเท่านั้น ถ้าเป็นในกรณีที่เมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โทษของการเมาแล้วขับก็จะรุนแรงมากขึ้นไปอีก
1. ทำให้ผู้อื่นเกิดอาการบาดเจ็บ จำคุก 1 ถึง 5 ปี ปรับเริ่มต้นที่ 20,000 ถึง 100,000 บาท พักใช้ใบขับขี่ทันที 1 ปี หรืออาจถูกเพิกถอนใบขับขี่
2. ทำให้ผู้อื่นเกิดอาการบาดเจ็บสาหัส จำคุก 2 ถึง 6 ปี ปรับเริ่มต้น 40,000 ถึง 120,000 บาท พักใช้ใบขับขี่ทันที 1 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่ หากเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก
3. ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต จำคุก 3 ถึง 10 ปี ปรับเริ่มต้น 60,000 ถึง 200,000 บาท พร้อมถูกเพิกถอนใบขับขี่ทันที
เมาแล้วขับประกันคุ้มครองไหม?
เมาแล้วขับ ประกันคุ้มครองหรือไม่? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับคำตอบสั้นๆ เลยคือ ประกันส่วนใหญ่จะไม่คุ้มครองผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับ เพราะเนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีข้อกำหนดชัดเจนว่า ไม่คุ้มครองกรณีที่ผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
เนื่องจากว่าการเมาแล้วขับเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงมาก บริษัทประกันจึงไม่ต้องการรับความเสี่ยงในส่วนนี้ และเพื่อนเป็นการส่งเสริมให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงความสำคัญของการขับรถอย่างปลอดภัยอีกด้วย
สรุปแล้ว การปฏิเสธการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เป็นการกระทำที่ถือว่าไม่ฉลาดและไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ต้องเผชิญอย่างยิ่ง หากไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับรถก็ไม่ต้องกังวลกับการตรวจวัด แต่หากดื่มไปแล้ว ควรใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือมอบหมายให้คนอื่นที่ไม่ดื่มขับรถให้แทนจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของตนเองและความปลิดภัยของผู้ใช้ถนนร่วมกัน