อัปเดตล่าสุด ต่อภาษีรถยนต์ปี 2568 ใช้เอกสารอะไร
ภาษีรถยนต์ คืออะไร
ภาษีรถยนต์ เป็นค่าใช้จ่ายที่เจ้าของรถทุกคนต้องชำระเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ มีลักษณะเป็นป้ายกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีชมพู-ฟ้า และระบุปีที่ป้ายภาษีนี้จะหมดอายุเอาไว้อย่างชัดเจน ให้ผู้ขับขี่นำมาติดที่บริเวณกระจกหน้ารถยนต์ตลอดเวลา เจ้าของรถยนต์จะต้องจ่ายภาษีรถยนต์ตามที่กฎหมายบังคับเมื่อถึงกำหนดชำระ หากปล่อยขาดต่อภาษี จะได้รับโทษตามกฎหมาย โดยเราสามารถจ่ายภาษีประจำปีล่วงหน้าไม่เกิน 90 วัน ก่อนวันครบกำหนดชำระภาษี
อัตราค่าต่อภาษีรถยนต์ 2568 ราคาเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีรถยนต์แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์ที่ใช้ ขนาดเครื่องยนต์ น้ำหนัก อายุของรถ และประเภทการจดทะเบียนรถ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. รถป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือดำ
รถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป (ไม่เกิน 7 ที่นั่ง) จะคำนวณเรื่องต่อภาษีรถยนต์ 2567 จากขนาดของเครื่องยนต์หรือซีซี ดังนี้
- 600 ซีซีแรก คิดซีซีละ 50 สตางค์
- 601–1,800 ซีซี คิดซีซีละ 1.50 บาท
- 1,801 ซีซีขึ้นไป ซีซีละ 4 บาท
สำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป จะมีสัดส่วนภาษีที่ต้องจ่ายลดลง
สัดส่วนภาษีที่ต้องจ่ายลดลง สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน ดังนี้
- รถยนต์อายุเกิน 6 ปี ได้รับการลดภาษี 10%
- รถยนต์อายุเกิน 7 ปี ได้รับการลดภาษี 20%
- รถยนต์อายุเกิน 8 ปี ได้รับการลดภาษี 30%
- รถยนต์อายุเกิน 9 ปี ได้รับการลดภาษี 40%
- รถยนต์อายุเกิน 10 ปี ได้รับการลดภาษี 50%
2. รถป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีเขียว
รถบรรทุกส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง จะถูกคิดตามน้ำหนักของตัวรถ เช่น รถตู้ขนส่งสินค้า รถบรรทุก เป็นต้น
- น้ำหนักรถ 0-500 กก. จ่ายภาษี 300 บาท
- น้ำหนักรถ 501- 750 กก. จ่ายภาษี 450 บาท
- น้ำหนักรถ 751 – 1,000 กก. จ่ายภาษี 600 บาท
- น้ำหนักรถ 1,001 – 1,250 กก. จ่ายภาษี 750 บาท
- น้ำหนักรถ 1,251 – 1,500 กก. จ่ายภาษี 900 บาท
- น้ำหนักรถ 1,501 – 1,750 กก. จ่ายภาษี 1,050 บาท
- น้ำหนักรถ 1,751 – 2,000 กก. จ่ายภาษี 1,350 บาท
- น้ำหนักรถ 2,001 – 2,500 กก. จ่ายภาษี 1,650 บาท
- น้ำหนักรถ 2,501 – 3,000 กก. จ่ายภาษี 1,950 บาท
3. รถป้ายทะเบียนพื้นขาว ตัวหนังสือสีน้ำเงิน
รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง มีวิธีคำนวณราคาตามน้ำหนักตัวรถ ดังนี้
- น้ำหนักรถไม่เกิน 1,800 กก. จ่ายภาษี 1,300 บาท
- น้ำหนักรถเกิน 1,800 กก. จ่ายภาษี 1,600 บาท
เอกสารที่ใช้ต่อภาษีรถยนต์มีอะไรบ้าง
การต่อภาษีรถยนต์จะต้องใช้เอกสารดังต่อไปนี้
1.สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (ตัวจริงหรือสำเนา)
2.หนังสือรับรองการตรวจสภาพรถยนต์ (ตรอ.) สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป
3.พ.ร.บ. รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ
ต่อภาษีรถยนต์ได้ที่ไหนบ้าง
เราสามารถต่อภาษีรถได้ที่กรมการขนส่งทางบก หรือสถานที่ของเอกชนได้อีกหลายแห่ง เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว ให้เลือกต่อภาษีในช่องทางดังต่อไปนี้
1สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 5 ซึ่งมีบริการแบบ Drive Thru for Tax หรือ เลื่อนล้อต่อภาษี โดยต้องเตรียมเอกสาร ได้แก่ เล่มทะเบียน พ.ร.บ. และใบผ่านการตรวจรถ หากรถยนต์มีอายุการใช้งาน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ใช้งานเกิน 5 ปี ต้องมีใบผ่านการตรวจรถด้วย ที่สำคัญต้องเตรียมจำนวนเงินให้พอดี เพื่อยื่นเอกสารพร้อมชำระเงินได้ทันที สะดวกสบาย ไม่ต้องลงจากรถ
2.สำหรับในต่างจังหวัด ติดต่อที่กรมการขนส่งทางบกของจังหวัด
3.ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ห้างสรรพสินค้า ที่เข้าร่วมโครงการ Shop Thru for Tax ตามวัน และเวลา ที่กำหนด
4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
5.เคาน์เตอร์เซอร์วิส
ต่อภาษีออนไลน์ได้ไหม
เราสามารถต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ ถือเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด ทำได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก (DLT e-Service)
วิธีการต่อภาษีออนไลน์
1เข้าเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th
2.เข้าสู่ระบบผ่าน Digital ID หรือ แอปพลิเคชัน ThaiD
3.เลือก ชำระภาษีรถยนต์ประจำปีผ่านอินเทอร์เน็ต
4.กรอกข้อมูลรถยนต์ เช่น ทะเบียนรถ และข้อมูล พ.ร.บ.
5.เลือกช่องทางชำระเงิน (หักผ่านบัญชีธนาคาร, ชำระผ่านบัตรเครดิต, ชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือ QR code)
6.หลังชำระเงินสำเร็จ จะได้รับใบเสร็จและป้ายภาษีส่งถึงบ้านทางไปรษณีย์ประมาณ 5 วันทำการ
หากไม่ต่อภาษีรถยนต์มีโทษอย่างไรบ้าง
หากขาดต่อภาษี แต่ยังใช้รถที่ยังไม่ได้เสียภาษีประจำปีตามระยะเวลาที่กำหนด จะมีอัตราโทษตามกฎหมาย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท