11 จุดสังเกต เช็กก่อนซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง?
11 จุดสังเกต เช็กก่อนซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง?

11 จุดสังเกต เช็กก่อนซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง?

ซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง

1.ตัวรถ
2.สีรถ
3.ตะเข็บที่คาน แก้มข้าง ขอบประตู และท้ายรถ
4.นอตทุกจุด
5.เครื่องยนต์ และแบตเตอรี่
6.เกียร์
7.ช่วงล่าง
8.ไฟรถ
9.เลขไมล์
10.แอร์ พวงมาลัย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ
11.เลขตัวถังและเล่มทะเบียนรถ

1. ตัวรถ
วิธีแรกที่ต้องทำในการดูรถมือสอง คือ สังเกตตัวรถตอนที่ยังจอดนิ่งบนพื้นราบ รถมือสองที่ดีจะต้องไม่เอียงไปข้างใดข้างใดข้างหนึ่ง ถ้าเอียงแสดงว่าช่วงล่างอาจมีปัญหาอีกอย่างคือตัวถังต้องไม่มีรอยบุบ ช่องไฟระหว่างประตูก็ต้องเท่ากันด้วย หากไม่เท่าแสดงว่ารถคันนี้เคยถอดออกมาซ่อม

 2. สีรถ
วิธีดูสีของรถมือสอง จำให้ขึ้นใจว่าเนื้อสีต้องมีความสม่ำเสมอ ไม่มีการเยิ้ม ไม่เป็นรอยย่นหรือเป็นคลื่น ไม่มีสีเข้มแค่จุดใดจุดหนึ่งหากแยกไม่ออกให้ลองใช้มือเคาะตัวรถเบา ๆ ถ้ารถที่ผ่านการทำสีมาใหม่เสียงจะทึบ ๆ หน่อย แต่ถ้าไม่เคยทำสีมาก่อนเสียงจะโปร่ง ๆ

 3. ตะเข็บที่คาน แก้มข้าง ขอบประตู และท้ายรถ
การดูตะเข็บของรถมือสอง จุดแรกให้ดูที่คาน จะอยู่ที่ด้านหน้าของรถ โดยให้เปิดฝากระโปรงขึ้นมาก่อน แล้วสังเกตหัวนอตว่ามีร่องรอยของการถอดไหม สีใหม่ผิดปกติหรือเปล่าจุดต่อไป คือ แก้มข้าง จะต้องมีรอยนูนที่เท่ากันทุกจุด ถ้าจุดไหนหายไปแสดงว่ารถเคยผ่านการซ่อมมาแล้ว และที่สำคัญคือตำแหน่งฝั่งซ้ายและขวาต้องตรงกันด้วยสองจุดสุดท้าย คือ ตะเข็บท้ายรถและขอบประตู (ดึงยางที่ขอบประตูออก) ให้เราดูที่รอยนูนว่ามีเท่ากันไหม รอยอาร์ค (รอยบุ๋มกลม ๆ ) ทั้ง 4 ประตูว่ามีครบหรือไม่ ถ้าไม่ครบแสดงว่าอาจจะซ่อมเพราะเคยชนมา

 4. นอตทุกจุด
จุดที่พลาดไม่ได้ในการดูรถมือสอง คือ นอต ถ้าไม่มีรอยหมุนออกหรือเคยถูกถอดแสดงว่ารถมือสองคันนี้ไม่เคยถูกซ่อมมาก่อน จึงมั่นใจได้ว่ารถไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหรือเคยชน

 5. เครื่องยนต์ ของเหลว และแบตเตอรี่
การเช็กเครื่องยนต์รถมือสอง ให้ลองฟังเสียงตอนสตาร์ตเครื่องว่าผิดปกติไหม มีกลิ่นไหม้หรือเปล่า เกจ์วัดรอบสวิงไปมาหรือไม่ สายพานที่ห้องเครื่องหย่อนไหม มีขี้เกลือขึ้นที่ขั้วแบตเตอรี่หรือเปล่า

อย่าลืมตรวจสอบของเหลวและแบตเตอรี่ โดยของเหลวจะต้องไม่มีการรั่วซึมและอยู่ในระดับที่พอดี ไม่สูงหรือไม่ต่ำจนเกินไป ที่สำคัญคือต้องสีใส ไม่ดำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเบรกก็ตาม อีกอย่างคือน้ำในหม้อน้ำจะต้องเต็มหรืออยู่ในระดับ FULL ตลอดเวลา

ส่วนแบตเตอรี่ให้เช็กว่าเสื่อมหรือเปล่า โดยให้เช็กจากการที่เราบิดกุญแจเพื่อสตาร์ตรถ จะมีเสียงแชะนานขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนรถจะสตาร์ตติด หรือบางครั้งรถสตาร์ตไม่ติดถ้าเกิดอาการเช่นนี้แสดงว่าแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ให้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยด่วน

6. เกียร์
วิธีดูเกียร์รถมือสอง ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ให้ลองให้เกียร์ D ดูว่ารถเคลื่อนที่ปกติไหม ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาให้ลองขับให้ครบทุกเกียร์ ถ้าเป็นรถมือสองที่ดีเกียร์ต้องไม่กระตุกหรือมีเสียงหอน

7. ช่วงล่าง
ขั้นแรกให้ลองใช้มือกดที่มุมหนึ่งของรถเพื่อดูว่าโช้คคืนตัวไวไหม อาจจะขอลองขับด้วยก็ได้ เพราะจะได้รู้ว่าเวลาเลี้ยวเป็นยังไง มีเสียงดังออกมาหรือเปล่า เบรกแล้วมีเสียงแปลก ๆ หรือไม่ ขึ้นลูกระนาดกระแทกแรงแค่ไหน

8. ไฟรถ
ดูให้ครบว่าติดทุกดวง ไม่มีดวงไหนขาด อย่าลืมเช็กไฟหรี่ว่าติดทั้งสองข้างหรือไม่ รวมถึงไฟเลี้ยวและไฟฉุกเฉินด้วย เพราะเป็นไฟที่สำคัญในการขับขี่มาก

9. เลขไมล์
รู้หรือไม่ว่าเลขไมล์หลอกกันได้! เพราะบางทีเขารับกรอเลขไมล์รถก่อนนำมาขายเป็นมือสองด้วย วิธีเช็กง่าย ๆ คือ ถ้ารถที่ใช้งานมาประมาณสัก 1 ปี เลขไมล์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 20,000 - 30,000 กิโลเมตร จึงเป็นไปได้น้อยที่รถผ่านการใช้งานมา 5-6 ปีจะมีเลขไมล์อยู่ที่ 50,000 - 60,000 กิโลเมตร แต่ไม่ได้หมายความว่ารถมือสองจะแอบกรอไมล์ทุกคัน เพราะเจ้าของบางคนก็จอดไว้มากกว่าขับ จึงไม่แปลกที่เลขไมล์จะน้อยนั่นเอง

10. แอร์ พวงมาลัย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ
ก่อนซื้อรถมือสองอย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์และส่วนประกอบภายในรถ แอร์ต้องเย็น ไม่มีกลิ่นเหม็น พวงมาลัยหมุนแล้วไม่ฝืดหรือค้าง ระบบล็อกรถ ปุ่มปรับ/เลื่อนกระจกทำงานได้ดี กลิ่นภายในห้องโดยสารต้องไม่อับ บริเวณพรมต้องไม่มีเชื้อราขึ้น ถ้ามีแสดงว่าเคยลุยน้ำท่วมมา

11. เลขตัวถังและเล่มทะเบียนรถ
สิ่งที่ทำให้รู้ว่ารถมือสองคันนี้ถูกโจรกรรมมาหรือไม่ มีการตัดต่อตกแต่งอะไรมาหรือเปล่า ให้เราดูที่เลขตัวถังของรถ ต้องชัดเจน ไม่มีร่องรอยการแก้ไข และตรงกับเล่มทะเบียนรถ แนะนำให้ตรวจสอบชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ รายการภาษี และรายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ด้วย จะได้รู้ประวัติรถว่ามีความเป็นมาอย่างไร

 

 

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง