อย่าหาทำ! ปภ.เตือนกินอาหารขณะขับรถเสี่ยงอุบัติเหตุสูงกว่าปกติถึง 2 เท่า
อย่าหาทำ! ปภ.เตือนกินอาหารขณะขับรถเสี่ยงอุบัติเหตุสูงกว่าปกติถึง 2 เท่า

อย่าหาทำ! ปภ.เตือนกินอาหารขณะขับรถเสี่ยงอุบัติเหตุสูงกว่าปกติถึง 2 เท่า

ว่าด้วยเรื่องของการทานอาหารในรถ หลายคนบอกว่าฉันใช้ชีวิตคนเดียวอย่างเร่งรีบในตอนเช้า ดังนั้นแล้วรถยนต์จึงเป็นทั้งเพื่อนทั้งยานพาหนะของฉันนั่นเอง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนถึงขยันหาทำทานอาหารไปด้วยขับรถไปด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งในขณะที่กำลังเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือขนมประเภทไหนก็ตาม เพราะลำพังขับรถแบบปกติก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว และนี่คือเหตุผลที่ทำไม? คุณควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารขณะขับรถ

นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สภาพการจราจรที่ติดขัดและแออัดในกรุงเทพฯ ทำให้ภาพผู้ขับรถขับไปกินไปหรือภาพพ่อแม่ป้อนอาหารลูก เป็นภาพที่เห็นกันจนชินตาในยามเช้า และเพื่อเป็นการประหยัดเวลาการเดินทางจากปัญหาการจราจรติดขัด ทำให้ผู้ขับขี่นิยมนำอาหารหรือเครื่องดื่มมารับประทานบนรถแทนบนโต๊ะข้าวในครัว ซึ่งการขับรถไปกินไปถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยงอย่างหนึ่งที่เพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอเตือนผู้ขับขี่รถยนต์ ไม่ควรรับประทานอาหารขณะขับขี่ เนื่องจากจะทำให้เหลือมือจับพวงมาลัยเพียง ข้างเดียว และหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินในลักษณะกะทันหัน เช่น คนเดินข้ามถนนตัดหน้ารถ ผู้ขับขี่จะไม่สามารถ หักหลบและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที เพราะปฏิกิริยาการตอบสนองในการขับขี่จะช้าลงกว่าการขับขี่ในภาวะปกติถึง 2 เท่า โดยอาหารที่ไม่ควรนำมารับประทานระหว่างการขับรถ ได้แก่ กาแฟร้อน บะหมี่ โจ๊ก เนื่องจากอาจทำให้น้ำร้อนหกรดตัวหรือเสื้อผ้าได้ อาหารประเภทเสียบไม้ เช่น ลูกชิ้น หมูปิ้ง และผลไม้เสียบ ที่ผู้ขับขี่มักรับประทานหรือป้อนให้บุตรหลานรับประทานในขณะเดินทาง หากผู้ขับขี่เบรกกะทันหัน นอกจากจะเกิดอุบัติเหตุกับรถและผู้ร่วมทางขับขี่แล้ว ยังส่งผลให้ปากหรือแก้มของตนเอง หรือบุตรหลานถูกไม้เสียบทิ่มทะลุ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ อาหารอีกประเภทที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ คือ อาหารประเภททอด เช่น ไก่ทอด หมูทอด ปาท๋องโก๋ เพราะจะทำให้มือของผู้ขับขี่เต็มไปด้วยน้ำมัน และหากไปจับพวงมาลัยจะยิ่งทำให้พวงมาลัยลื่นมากกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถควบคุมหรือบังคับรถได้ดี ที่สำคัญหากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงและ กินไปด้วย จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงในการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ผู้ขับขี่ควรรับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง ไม่รับประทานอาหารระหว่างการขับขี่ หากมีอาการหิวในระหว่างการเดินทาง ควรแวะรับประทานอาหารในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น สถานีบริการน้ำมัน หรือจุดพักรถข้างทาง ให้เรียบร้อยเสียก่อนค่อยออกเดินทางต่อ

โดย 3 สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ

1. ทำให้เสียสมาธิ 
การกินอาหารประเภท พิซซ่า เบอร์เกอร์ หรืออะไรก็ตามที่เลอะเทอะกว่านั้น สามารถดึงความสนใจทั้งสายตาและมือของคุณให้ไปจดจ่ออยู่กับอาหาร เพราะว่าคุณคงไม่อยากทำให้มันหกเปรอะเปื้อนรถของคุณเป็นแน่ และอาจทำให้คุณละสายตาออกจากพวงมาลัยและกระจกหน้า นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุเล็กใหญ่หรืออาจสูญเสียชีวิตเลยก็เป็นได้ ทำไมไม่ลองแวะจอดบริเวณ Rest Area หรือปั้มน้ำมันใกล้ๆ แล้วทานให้เรียบร้อยก่อนไม่ว่าจะเร่งรีบแค่ไหนก็ตาม    

2. ความรับผิดชอบต่อผู้โดยสารและเพื่อนร่วมทาง
การที่คุณมีผู้โดยสารเดินทางไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จัก เพื่อน หรือครอบครัวก็ตาม ความรับผิดชอบจะตกไปอยู่กับผู้ที่อยู่ตำแหน่งหลังพวงมาลัย ซึ่งนอกจากคุณจะต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเองแล้ว คุณยังต้องดูแลผู้โดยสาร รวมไปถึงเพื่อนรวมทางคันอื่นๆ ที่ใช้ถนนเส้นเดียวกันกับคุณ และการที่มือและสายตาของคุณกำลังไปยุ่งเหยิงอยู่กับการกินและดื่ม นั่นเท่ากับว่าคุณเอาชีวิตของพวกเขาไปเสี่ยงด้วย

3. ทำให้สำลักหรือติดคอ 
บางทีการทานอาหารบนรถจนเคยชินอาจทำให้คุณประมาท จนลืมไปว่าถนนบ้านเราคืออุกกาบาตดีๆ นี่เอง ลองนึกภาพตามกันดู ในขณะที่คุณกำลังยกน้ำดื่มอย่างเอร็ดอร่อย หากรถของคุณเกิดตกหลุมหรือเบรกกระทันหัน แล้วถ้าน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วมันไหลเข้าไปติดในคอของคุณจะเกิดอะไรขึ้น? คุณก็จะสำลักและไม่สามารถโฟกัสต่อกับการขับรถได้ ยังไม่นับรวมเหตุการณ์อื่นๆ ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุอันเป็นอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่นอีก ดังนั้นแล้วอย่างที่เลดี้บอกค่ะ อย่าหาทำกินอาหารขณะขับรถ น่าจะปลอดภัยที่สุด   

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง