ใช้รถควรรู้! ถ้าไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ จะเกิดอะไรขึ้น?
ใช้รถควรรู้! ถ้าไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ จะเกิดอะไรขึ้น?

ใช้รถควรรู้! ถ้าไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ จะเกิดอะไรขึ้น? 

การถ่ายน้ำมันเครื่อง สำคัญอย่างไร

การถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะการใช้งาน เป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้เกิดการสึกหรอน้อยลง เพราะเมื่อใช้งานไปนาน ๆ น้ำมันเครื่องจะมีเศษสิ่งสกปรกเข้าไปปะปน จนทำให้มีความหนืดมากขึ้น รวมถึงสีที่เปลี่ยนไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพลดลง และหากฝืนใช้ไปนาน ๆ ก็จะทำให้เครื่องยนต์พังได้ในท้ายที่สุด

น้ำมันเครื่องทำหน้าที่อะไร

น้ำมันเครื่องทำหน้าที่ช่วยหล่อลื่นการทำงานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้เกิดการสึกหรอน้อยลง และยังมีหน้าที่สำคัญในการระบายความร้อน ลดสิ่งสกปรกจากการเผาไหม้ในห้องเครื่อง พร้อมทั้งช่วยลดการเกิดสนิม การกัดกร่อน และคราบเขม่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใน

น้ำมันเครื่อง มีกี่ชนิด

ในปัจจุบัน น้ำมันเครื่องที่ใช้ในท้องตลาดจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ น้ำมันเครื่องธรรมดา น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ และน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ซึ่งจะมีรายละเอียดความแตกต่างในการใช้งานทั้งหมด ดังนี้

น้ำมันเครื่องธรรมดา (Mineral)
น้ำมันเครื่องธรรมดา เป็นน้ำมันที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ หรือเป็นน้ำมันจากธรรมชาติ 100% จึงอาจมีการเจือปนหลงเหลืออยู่ แต่ก็มีราคาถูกที่สุดในการหามาใช้งาน จึงทำให้มีอายุการใช้งานเฉลี่ยเพียง 6 เดือน หรือ ไม่เกิน 3,000 - 5,000 กม. เพียงเท่านั้น

- น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully-synthetic)
- น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เป็นน้ำมันสังเคราะห์ 100% ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เลยทำให้มีความบริสุทธิ์มากกว่า   
- น้ำมันเครื่องประเภทอื่น และมีคุณภาพสูงในการใช้งานหล่อลื่น และปกป้องเครื่องยนต์ในการทำงาน จึงทำให้มีระยะการใช้งานยาวนานที่สุด โดยสามารถใช้ได้นานถึง 10,000 - 15,000 กม. ก่อนเปลี่ยนถ่ายหนึ่งครั้ง

น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-synthetic)
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เป็นน้ำมันสังเคราะห์ที่ผสมเข้ากับน้ำมันธรรมชาติ เพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงมีราคาที่เข้าถึงได้ โดยไม่แพงเท่ากับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เลยทำให้มีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 7,000 - 10,000 กม.

น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์แต่ละคัน ควรเช็คจากข้อมูลหนังสือคู่มือของรถยนต์ นอกจากนี้ยังประกอบกับประเภทของน้ำมันเครื่องที่เลือกใช้ โดยมีด้วยกัน 3 ชนิด ดังนี้

- น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 5,000 กิโลเมตร
- น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 7,500-8,000 กิโลเมตร
- น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000-15,000 กิโลเมตร


5 ปัญหาที่จะเกิดขึ้นหากไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ

1.เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้น - น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ เมื่อน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพหรือมีสิ่งปนเปื้อนมากเกินไป จะทำให้การหล่อลื่นไม่ดีพอ ส่งผลให้เกิดการเสียดสีระหว่างชิ้นส่วนมากขึ้น และทำให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นสึกหรอเร็วกว่าปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียหายของเครื่องยนต์ในที่สุด

2.เครื่องยนต์ร้อนเกินไป - น้ำมันเครื่องนอกจากจะทำหน้าที่หล่อลื่นแล้ว ยังมีหน้าที่ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ด้วย หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ ความสามารถในการระบายความร้อนจะลดลง ทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ เช่น ปะเก็นหัวเทียนไหม้ หรือบล็อกเครื่องยนต์บิดเบี้ยว

3.สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น - เมื่อเครื่องยนต์สึกหรอและทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จะทำให้การเผาไหม้เชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นกว่าปกติ

4.เครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ - การสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์จะทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติ เช่น เสียงเคาะ เสียงกุกกัก หรือเสียงร้องจี๊ด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเครื่องยนต์กำลังมีปัญหา

5.ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง - เครื่องยนต์ที่สึกหรอจะทำให้รถยนต์เร่งไม่ขึ้น อัตราเร่งลดลง และความเร็วสูงสุดลดลง ทำให้การขับขี่ไม่นุ่มนวลและไม่ปลอดภัย


สรุป ถ้าไม่อยากให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นกับรถของเรา ควรหมั่นจดจำ และเตือนตัวเอง ให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เมื่อถึงระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตามกำหนดและเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับคุณและรถของคุณ เปลี่ยนถ่ายน้ํามันเครื่อง เพื่อที่จะทำให้รถยนต์คงประสิทธิภาพ และ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง