จะต้องทำอย่างไร เมื่อรถของคุณเบรคไม่อยู่?
สาเหตุที่ทำให้รถเบรกไม่อยู่
1.ผ้าเบรกหมด
2.น้ำมันเบรกที่เสื่อมสภาพ
3.ผ้าเบรกร้อนเกินไปจนทำให้น้ำมันเบรกเดือดจนเบรกไม่อยู่
4.เกิดการรั่วของน้ำมันเบรกในวงจรเบรก
5.มีอากาศในวงจรเบรกจนสูญเสียแรงดัน
6.ระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่าที่กำหนด
เมื่อเกิดเหตุการณ์ “รถเบรกแตก” ต้องทำอย่างไร
1.ตั้งสติให้ดี เพราะการมีสติเมื่อเจอปัญหารถเบรกแตก จะช่วยให้สามารถบังคับรถและประเมินสถานการณ์เพื่อแก้ปัญหาล่วงหน้าได้ ในขณะเดียวกันหากลนลาน ไม่มีสติ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงขึ้นได้
2.ถอนคันเร่ง เพื่อลดความเร็วและเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ในกรณีที่หากขับขี่อยู่แล้วรถเบรกแตก ควรถอนคันเร่งเพื่อลดความเร็วและนำระบบเอนจิ้นเบรก (Engine Brake) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยหลังจากถอนคันเร่งเพื่อลดความเร็วแล้ว ให้ทำการชะลอความเร็วด้วยการเหยียบคลัตช์ หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา แล้วค่อยๆ ทำการลดตำแหน่งเกียร์ลง ห้ามเปลี่ยนเกียร์ทันทีเนื่องจากอาจทำให้เครื่องยนต์พังได้ เช่นเดียวกันหากเป็นรถเกียร์ออโต้ ให้ทำการเปลี่ยนเกียร์อย่างช้าๆ โดยการไล่ลำดับลงมา
3. ชิดซ้ายให้เร็วที่สุด หลังจากทำการลดความเร็วลงมาจนคุมรถได้แล้ว พยายามขับรถเข้าเลนซ้ายสุดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อนำรถหลบข้างทาง ไม่ไปกีดขวางการจราจรของผู้อื่น และควรเปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นได้ชัดเจนว่ามีรถจอดอยู่
4.ดึงเบรกมือช่วย การดึงเบรกมือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยชะลอความเร็วของรถลงได้ในกรณีที่รถเบรกแตก เพราะเบรกมือจะช่วยหน่วงความเร็วของล้อ แต่ห้ามดึงแบบรวดเร็วเป็นอันขาด ให้ทำการดึงช้าๆ จนสุด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้รถชะลอความเร็วลงได้แล้ว
วิธีตรวจเช็กระบบเบรกที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ
1.เช็กกระปุกน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่กำหนดอยู่เสมอ
2.น้ำมันเบรกต้องมีความใส หากเริ่มมีสีคล้ำต้องรีบเปลี่ยนทันที
3.ตรวจสอบหม้อลมเบรก ว่าพร้อมใช้งานอยู่เสมอ หากรถคันไหนมีระบบเบรก ABS ให้ทำการตรวจสอบระบบเบรกว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
4.ตรวจเช็กสายน้ำมันเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
5.ตรวจดูจานเบรกว่าบางและมีรอยสึกเสมอกันทั่วทั้งจานหรือไม่ หากพบว่าจานเบรกบางเกินให้รีบเปลี่ยนทันที
6.ตรวจเช็กผ้าเบรกด้วยการเช็กร่องกลางผ้าเบรก ถ้าร่องเริ่มตื้นให้ทำการเปลี่ยนทันที
7.ตรวจดูชุดคาลิเปอร์เบรกว่าสามารถประกบผ้าเบรกกับจานเบรกได้แนบสนิทหรือไม่
8.ตรวจเช็กระยะเบรกจากแป้นเบรก ว่าระยะเบรกมีความตื้นและลึกพอดีกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานการณ์รถเบรกไม่อยู่อย่างแน่นอน ดังนั้น การตรวจเช็กระบบเบรกอยู่เสมอ เช่น ระดับน้ำมันเบรก สังเกตจุดรั่วซึม หรือฟังเสียงผิดปกติ จะช่วยให้เราทราบถึงปัญหาและแก้ไขได้ทันท่วงทีครับ
Cr. forbes.com และ haynes.com