ผ่อนรถแบบบอลลูน คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร?
ผ่อนรถแบบบอลลูน คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร?

ผ่อนรถแบบบอลลูน คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร?

ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับการผ่อนรถแบบบอลลูน คืออะไร

การผ่อนรถแบบบอลลูนเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการผ่อนรถจากการขอสินเชื่อรถยนต์ เดิมทีการผ่อนแบบบอลลูนนิยมใช้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง ทั้งยังสามารถเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต แต่ทุกวันนี้มีธนาคารและสถาบันการเงินหลายแห่งที่นำรูปแบบการผ่อนบอลลูนมาใช้ในการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นำเข้า หรือรถยนต์หรูที่มีราคาสูง ไปจนถึงกลุ่มรถยนต์ทั่วไป


รูปแบบการผ่อนรถแบบบอลลูน
การผ่อนรถแบบบอลลูน ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
เงินดาวน์

ยอดเงินที่จ่ายส่วนแรกสุด ถือเป็นเงินรับประกันว่าผู้ซื้อมีความสามารถในการชำระรถยนต์เบื้องต้นให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยเงินดาวน์คิดเป็น 20% ของมูลค่ารถยนต์ หรือขึ้นอยู่กับโปรโมชันและเงื่อนไขของธนาคาร

เงินบอลลูน

เงินที่ทางสถาบันการเงินทำการหักออกไปหนึ่งส่วนโดยเป็นเงินก้อนยอดใหญ่ ซึ่งต้องชำระเมื่อถึงช่วงเวลาที่สถาบันการเงินกำหนด ส่วนใหญ่คิดเป็น 40-50% ของมูลค่ารถยนต์ โดยเป็นส่วนที่เหลือหลังจากผ่อนชำระค่างวดรถจนครบทุกงวดแล้ว

เงินผ่อนค่างวดรถ

เงินผ่อนชำระงวดรถตามปกติที่ต้องชำระจนครบสัญญา คำนวณจากการหักค่าเงินดาวน์และยอดเงินบอลลูนแล้ว หารด้วยจำนวนงวดรถตามที่ระบุในสัญญา ทำให้ค่างวดที่ผ่อนชำระในแต่ละงวดถูกลงนั้นเอง

การทำงานของ ผ่อนรถแบบบอลลูน
เช่น รถยนต์ราคา 873,000 บาท หากผ่อนรถแบบบอลลูน ก็คือ สมมติวางเงินดาวน์จำนวน 20% ของราคารถ จะเท่ากับ 174,600 บาท ยอดสินเชื่อคงเหลือ= 698,400 บาท และ สมมติยอดบอลลูน หัก 50%  ของยอดสินเชื่อคงเหลือก็เท่ากับ  349,200 บาท (ยกเป็นงวดที่ 59) ตรง 3 แสนนี้จะเท่ากับ ยอดเหลือผ่อนชำระรายงวด และถ้าสมมติ ดอกเบี้ยบอลลูนคิดที่ 6% ต่อปี =20,952 บาท ต่อปี ในระยะเวลา 5 ปี = 104,760 บาท ค่างวดจะเท่ากับ 7,566 บาท ต่องวด (1-59) และงวดที่ 60 จ่าย 349,200 บาท เพื่อรับกรรมสิทธิเป็นเจ้าของ

ซึ่งในงวดสุดท้ายนั้นก็จะมีตัวเลือกให้เลือกชำระทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน คือ

- นำเงินก้อนมาจ่ายเพื่อปิดหนี้ทั้งหมด โดยที่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

- สามารถนำก้อนบอลลูนมาแบ่งชำระต่อ แต่จะเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นเกือบเท่าตัว

- การคืนรถ ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อเสนอของแต่ละที่ด้วย

ต้องบอกก่อนว่าการผ่อนรถแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยเช่นกัน และข้อดี-ข้อเสียของการผ่อนรถประเภทนี้นี้ก็คือ

ข้อดีของการผ่อนรถแบบบอลลูน

- สามารถเปลี่ยนรถใหม่ได้เรื่อยๆ เหมาะกับคนที่ชอบเปลี่ยนรถบ่อยๆ

- ค่างวดในก้อนสุดท้ายสามารถแบ่งจ่ายได้เช่นกัน

- วางแผนเรื่องการเงินในอนาคตได้

- สามารถเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น

- ค่างวดต่อเดือนถูกลง และยืดหยุ่นกว่าการจัดไฟแนนซ์

ข้อเสียของการผ่อนรถแบบบอลลูน

- ดอกเบี้ยจะสูงกว่าการผ่อนแบบปกติ

- มีเงินก้อนพร้อมที่จะซื้อ แต่ก็ยังไม่สามรถเป็นเจ้าของรถได้

- ไม่สามารถปิดหนี้ก่อนชำระครบทุกงวดได้

- ค่างวดที่จ่ายไป จะไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆในการมีรถ เช่น ค่าบำรุงรักษารถ

- ในกรณีที่ไม่สามารถหาเงินก้อนมาจ่ายงวดสุดท้ายได้ จะต้องขายรถยนต์คืนให้กับบริษัท

กรณีผ่อนแบบบอลลูน

รถยนต์มูลค่า 699,000 บาท หากดอกเบี้ยตลอดสัญญาอยู่ที่ 2.5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 60 เดือน

เงินดาวน์ 20% เป็นจำนวนเงิน 139,800 บาท
ยอดเงินบอลลูน กรณีหัก 50% ยอดสินเชื่อค่ารถจะคงเหลือ 349,500 บาท (จะถูกยกเป็นงวดที่ 60)
ยอดผ่อนชำระสินเชื่อจะคงเหลือ 349,500 บาท
อัตราดอกเบี้ยบอลลูน หากคิดที่ 5% ต่อปี จะเท่ากับ 17,475 บาทต่อปี ระยะเวลาการผ่อนชำระ 5 ปี รวมเป็น 87,375 บาท
รวมยอดที่ต้องผ่อนชำระทั้งหมด 436,875 บาท เฉลี่ยค่ารถ จำนวน 60 งวด งวดละ 7,281 บาท ตั้งแต่งวดที่ 1-59 และงวดที่ 60 ต้องจ่าย 349,500 บาท จึงจะได้รับกรรมสิทธิเป็นเจ้าของรถทันทีเมื่อผ่อนชำระครบตามจำนวนเงื่อนไขสัญญา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง