สติ๊กเกอร์ EU Label มาตรฐานยาง ที่คนใช้รถควรรู้!
สติ๊กเกอร์ EU Label มาตรฐานยาง ที่คนใช้รถควรรู้!

สติ๊กเกอร์ EU Label มาตรฐานยาง ที่คนใช้รถควรรู้!


ฉะนั้นข้อมูลบน EU Tyre Label บอกถึงอะไรบ้าง ?


1.) ความประหยัดน้ำมัน โดยทางมาตรฐานนี้จะวัดจากแรงต้านทานการหมุนของยางครับ งงใช่ไหมครับ ว่าแรงต้านทานการหมุนคืออะไร จอร์จไทร์บิดจะขออธิบายลงลึกอีกนิดครับ โดยแรงต้านทานการหมุนนั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่อหน้ายางสัมผัสกับพื้นผิวถนนแล้วมีความสามารถในการยึดเกาะถนน หรือการคืนตัวของเนื้อยางเมื่อสัมผัสกับพื้นผิวถนนได้ดีแค่ไหน ถ้ายางที่มีแรงต้านทานการหมุนที่เยอะนั้นก็หมายถึงมีความสามารถในการเกาะถนนที่ดี

     แต่หากมีแรงต้านทานการหมุนที่น้อยย่อมส่งผลในการเกาะถนนที่น้อยลงตามลำดับครับ ซึ่งการเกาะถนนมากน้อยนั้นก็จะส่งผลต่อเรื่องการกินน้ำมันครับ ยิ่งยางมีแรงต้านทานการหมุนที่มากส่งผลต่อการกินน้ำมันมาก แต่ถ้ามีแรงต้านทานการหมุนที่น้อยก็จะกินน้ำมันที่น้อยตามลงไปครับ โดยเกรดของเรื่องการประหยัดน้ำมันจะมีตั้งแต่ เกรด A ถึง G ครับซึ่ง A คือเกรดที่ดีที่สุด ความแตกต่างการกินน้ำมันจะอยู่ที่ 7.5% ครับผม แต่ยางส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ในเกรดระดับที่ E ครับ ซึ่งจะทำให้ยางนั้นมีความยึดเกาะถนนดีด้วยและ ประหยัดน้ำมันด้วยครับ


2.) ระยะเบรกบนถนนเปียก ส่วนมากแล้วปัญหาการใช้งานรถส่วนใหญ่เกิดจากร่องรีดน้ำสามารถระบายน้ำออกจากหน้ายางได้ช้า และอีกอย่างคือดอกยางไม่สามารถตัดฟิลม์น้ำเพื่อทำให้หน้าสัมผัสยางสัมผัสกับพื้นถนนได้ทันท่วงทีขณะขับบนถนนเปียก ซึ่งสองสิ่งนี้จะส่งผลต่อเรื่องระยะเบรกบนถนนเปียกเป็นอย่างมากครับ ถ้ายางรุ่นไหนทำได้ดีจะทำให้ระยะเบรกบนถนนเปียกมีระยะหยุดรถที่สั้นลง โดยเกรดมาตรฐานบนสติกเกอร์จะเป็นเกรดตั้งแต่ A-F ซึ่ง เกรด A คือเกรดที่ดีที่สุดมีระยะเบรกที่สั้นที่สุดตามมาตรฐาน และความแตกต่างระยะเบรกบนถนนเปียกเทียบกับเกรด F ห่างกันอยู่ที่ 18 เมตร


3.) ข้อสุดท้ายเป็นเรื่องของเสียงครับ จะมีระดับมาตรฐานอยู่ 3 ลำดับครับ โดยจะแบ่งเป็น 3 ขีดลำดับเสียงครับ ลำดับเสียงที่อยู่ในมาตรฐานคือลำดับเสียงที่มี 2 ขีดครับ ส่วนกรณีที่มีแค่ขีดเดียวคือมีระดับ เดซิเบลต่ำกว่ามาตรฐาน และถ้ามีสามขีดคือสูงกว่ามาตรฐานแต่ไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดครับ ซึ่งเพื่อนๆอาจจะใช้ข้อมูลตัวนี้เปรียบเทียบได้เลยว่ายางรุ่นไหนเสียงเงียบที่สุด ซึ่งทางไทร์บิดเคยสังเกตมาถ้าอย่าง Michelin Primacy 4 ได้ขีดเดียวต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ถ้าเป็นยางสปอร์ตอย่าง Michelin Pilot sport 4 หรือ Bridgestone RE004 จะอยุ่ในระดับ 2 ขีดซึ่งอยู่ในมาตรฐานเช่นกันครับ


ทั้งนี้ การทดสอบวัดระดับเสียงรบกวนของยางกระทำโดยการติดตั้งไมโครโฟนห่างจากจุดศูนย์กลางของรถไปทางด้านข้าง ข้างละ 7.5 เมตร จากนั้นเคลื่อนรถผ่านไมโครโฟนที่ความเร็ว 70-80 กม./ชม. จำนวน 4 ครั้ง และที่ความเร็ว 80-90 กม./ชม. จำนวน 4 ครั้ง โดยรถจะถูกดับเครื่องยนต์และเข้าเกียร์ว่างขณะเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ที่ทำการทดสอบเพื่อให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำมากที่สุดครับ

 

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง