ใช้รถควรรู้! แบตเตอรี่แห้งชาร์จไฟได้หรือไม่?
ใช้รถควรรู้! แบตเตอรี่แห้งชาร์จไฟได้หรือไม่?

ใช้รถควรรู้! แบตเตอรี่แห้งชาร์จไฟได้หรือไม่?  

แบตเตอรีแห้งคืออะไร
แบตเตอรีแห้ง คือ แบตเตอรีรถยนต์ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น เนื่องจากทางโรงงานที่ผลิตมีการเติมกรดและชาร์จไฟตามมาตรฐานมาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราสามารถนำไปใช้งานได้ทันที กรณีมีการเก็บแบตเตอรีแห้งไว้นานกว่า 6 เดือนขึ้นไป มีโอกาสที่แบตจะอ่อนลง ดังนั้น ควรเช็กไฟก่อนนำไปใช้งาน 

ข้อดีของแบตเตอรีแห้ง
- ง่ายต่อการดูแลรักษา เพราะไม่ต้องคอยตรวจเช็กบ่อย ๆ
- ลดโอกาสที่น้ำกรดภายในแบตเตอรีจะรั่วไหลออกมา ซึ่งเสี่ยงทำลายเครื่องยนต์
- อายุการใช้งานนานกว่าแบตเตอรีน้ำและแบตเตอรีกึ่งแห้ง ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 1.5 - 2.5 ปี หรือระยะทางในการขับขี่ประมาณ 50,000 - 70,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและการใช้งาน ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องอาจอยู่ได้นานถึง 5 - 10 ปีเลยทีเดียว

ข้อเสียของแบตเตอรีแห้ง
ราคาสูงกว่าแบตเตอรีน้ำและแบตเตอรีกึ่งแห้ง
รูระบายอากาศของแบตเตอรีแห้งค่อนข้างเล็ก อาจเสี่ยงอุดตันจนเกิดแรงดันภายในแบตเตอรีได้


แบตเตอรี่แห้ง หรือแบต MF ชาร์จไฟได้หรือไม่?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าแบตเตอรี่แห้ง แท้จริงแล้วก็คือแบตเตอรี่ที่มีการเติมกรดและผนึกซีลมาจากโรงงาน โดยเจ้าของรถไม่จำเป็นต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยเหมือนกับแบตน้ำ แต่ถึงอย่างไรแบตเตอรี่แบบ MF ก็มีโอกาสที่น้ำกรดจะพร่องจนทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น จึงควรเช็กแบตเตอรี่เมื่อผ่านการใช้งานประมาณ 1 ปี

ส่วนแบตเตอรี่แบบ MF แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีช่องเติมน้ำ แต่แท้จริงแล้วช่องเติมน้ำกลั่นของแบตประเภทนี้จะถูกติดสติกเกอร์ทับเอาไว้ จนดูเหมือนไม่มีช่องเติมน้ำเท่านั้นเอง วิธีเติมก็ง่ายมากเพียงแค่ลอกสติกเกอร์ด้านบนออก ก็จะเจอช่องเติมน้ำกลั่นเหมือนกับแบตน้ำปกติทุกประการ

คำถามที่ว่าแบตเตอรี่แบบ MF (หรือแบตแห้งที่หลายคนเรียกกัน) สามารถชาร์จไฟได้หรือไม่? คำตอบคือ "ได้" หากแบตเตอรี่ยังไม่เสื่อม แต่รถไม่ค่อยมีการใช้งานมากนัก การชาร์จแบตเตอรี่จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นได้

แบตเตอรี่แห้ง หรือแบต MF เสื่อมไวเกิดจากอะไร?
สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพไว มักเกิดจาก 3 ปัจจัย ดังนี้

1. ใช้รถน้อย - การขับรถระยะทางสั้นๆ เป็นประจำจะส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลงได้ เนื่องจากแบตเตอรี่ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะถูกชาร์จจนเต็ม ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง

2. เกิดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบต - คราบขี้เกลือที่เกาะบนขั้วแบตเตอรี่เกิดจากปฏิกิริยาของน้ำกรดที่ระเหยไปโดยอากาศ มักเกิดจากการเติมน้ำกลั่นเกินกว่าที่กำหนดเอาไว้ หากปล่อยไว้ไม่ดูแล จะทำให้การไหลผ่านของไฟฟ้าลดลง เกิดการกัดกร่อนของโลหะบนขั้วแบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไวขึ้น

3. ความร้อนสูง - แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่ต้องเผชิญความร้อนอยู่ตลอดเวลาขณะใช้งาน ยิ่งเครื่องยนต์มีความร้อนสูงมากเท่าไหร่ (โดยเฉพาะรถติดก๊าซ LPG หรือ CNG) ยิ่งทำให้แบตเสื่อมสภาพเร็วขึ้นเท่านั้น จะสังเกตได้ว่าแบตเตอรี่รถยุโรปที่มักติดไว้บริเวณกระโปรงท้ายรถ มักมีอายุการใช้งานยาวนานกว่ามาก สาเหตุเป็นเพราะความร้อนที่น้อยกว่านั่นเอง

สัญญาณเตือนแบตเตอรีแห้งเสื่อม
- มาตรวัดและไฟภายในรถไม่ทำงานก่อนสตาร์ตรถ
- ต้องพ่วงแบตเตอรีทุก ๆ 3-5 วัน หรือถี่กว่านั้น
- แบตเตอรีหยุดทำงานภายใน 15 - 30 นาที เครื่องยนต์ดับ แต่อุปกรณ์อื่น ๆ ภายในรถยนต์ยังทำงานอยู่
- ต้องสตาร์ตเครื่องยนต์มากกว่า 3 รอบถึงจะติด
- รถสตาร์ทติดยาก หรือรถสตาร์ทไม่ติดหากจอดเป็นเวลาหลายชั่วโมง จอดรถนานเป็นวัน โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็น 
- เครื่องยนต์มีอาการสั่นเล็กน้อยขณะจอดติดไฟแดง
- วิทยุหรืออุปกรณ์อื่น ๆ หยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ไฟหน้าสว่างน้อยลง หรืออุปกรณ์อื่น ๆ มีอาการไฟตกขณะเหยียบคันเร่ง

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง