"แบตแห้ง" กับ "แบตน้ำ" เลือกแบบไหนดี?
"แบตแห้ง" กับ "แบตน้ำ" เลือกแบบไหนดี?

"แบตแห้ง" กับ "แบตน้ำ" เลือกแบบไหนดี?

แบตเตอรี่รถยนต์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้รถยนต์สามารถสตาร์ทและทำงานได้อย่างราบรื่น โดยแบตเตอรี่รถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ แบตเตอรี่แห้ง (Maintenance-Free Battery) และแบตเตอรี่น้ำ (Flooded Battery) แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป การเลือกใช้แบตเตอรี่ชนิดใดจึงเหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง


แบตเตอรี่รถยนต์มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบหลักๆ ดังนี้

แบตเตอรี่แห้ง (Maintenance Free Battery)
แบตเตอรี่แห้ง เป็นแบตแบบที่ไม่ต้องดูแลรักษาเยอะ เพราะไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นบ่อย ๆ ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานที่นานกว่าแบตเตอรี่น้ำ และด้วยความที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้ติดตั้งได้ง่ายอีกด้วย


แบตเตอรี่น้ำ (Flooded Battery)
แบตเตอรี่น้ำ เป็นแบตเตอรี่แบบที่ต้องดูแลรักษา ซึ่งในรถรุ่นเก่า ๆ มักจะติดตั้งมาเป็นแบตมาตรฐาน ซึ่งแบตเตอรี่น้ำก็มีข้อดีเช่นกันคือ มีราคาที่ถูกกว่า และทนต่อสภาวะอากาศร้อนได้ดีกว่า แต่ข้อเสียก็คือต้องคอยเติมน้ำกลั่นเป็นระยะ ๆ เพราะถ้าน้ำกลั่นอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปจะส่งผลให้ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ลดลง และมีความเสี่ยงที่กรดจะเกิดการรั่วซึมได้


ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกแบตเตอรี่
- ประเภทรถยนต์ - รถยนต์รุ่นใหม่มักจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่แห้งเป็นมาตรฐาน เนื่องจากมีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา ทำให้ติดตั้งได้ง่ายขึ้น
- สภาพการใช้งาน - หากรถยนต์ของคุณใช้งานในสภาพอากาศที่ร้อนจัด หรือมีการสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์บ่อยครั้ง ควรเลือกใช้แบตเตอรี่ที่ทนทานต่อสภาวะเหล่านี้
- งบประมาณ - แบตเตอรี่แห้งมักจะมีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ
- ความสะดวกในการดูแลรักษา - หากคุณต้องการความสะดวกสบาย แบตเตอรี่แห้งจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า


แล้วควรเลือกแบตอะไรดี?

จริงๆแล้ว ว ควรพิจารณาจากความต้องการและพฤติกรรมการใช้รถของเราเป็นหลัก เช่น ต้องขับรถในสภาพอากาศร้อนจัด และมีการสตาร์ทรถและดับเครื่องบ่อย ๆ ก็ให้เลือกเป็นแบตเตอรี่น้ำ เพราะมีความทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี เป็นต้น

แต่ถ้าเลือกไม่ได้จริง ๆ ให้ปรึกษากับช่างผู้เชี่ยวชาญดีกว่า เพราะบางทีคุณอาจจะเลือกแค่จากปัจจัยเรื่องงบประมาณและความสะดวกสบาย แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งานรถของคุณ

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง