สายซิ่งควรรู้! แต่งรถแบบไหนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและผิดกฎหมาย
การมีรถยนต์สักคันหนึ่งเมื่อเราได้มีรถยนต์เป็นของตัวเอง เราก็มีฟิลที่อยากจะแต่งรถเพื่อให้ดูเท่ ดูสวยงามกว่าเดิม สไตล์เราเป็นแบบไหนเราก็อยากแต่งรถให้เป็นสไตล์แบบนั้น แต่ถ้าบางคนอยากแต่งรถแต่ไม่รู้จะแต่งแบบไหนก็ไปหา Reference จากคนอื่นๆ ว่าเขาแต่งกันแบบไหน แต่งแบบไหนแล้วดูดี ดูเท่ หรือดูแล้วแบบไหนถูกใจเราก็เลือกแต่งแบบนั้น นอกจากหา Reference ที่ถูกใจแล้วอย่าลืมกำหนดงบประมาณในการแต่งรถด้วยนะครับ
ต้องแจ้งประกันหรือไม่?
หากทำประกันรถยนต์เอาไว้และได้มีการแต่งรถเพิ่มเติมไม่ว่าจะส่วนใดก็ตามอย่างเช่น ติดสติกเกอร์รถยนต์ เปลี่ยนท่อไอเสีย ติดสเกิร์ต เปลี่ยนล้อแม็ก ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใดก็ตาม “แนะนำว่าควรแจ้งกับบริษัทประกันภัย” เพื่อให้รับทราบและคุ้มครองบางส่วนให้กับเรานั่นเองครับ โดยจะแจ้งผ่านเจ้าหน้าที่ประกันภัยโดยตรงได้เลยครับ
แต่งแบบไหน? ประกันไม่คุ้มครอง
แปลงป้ายทะเบียน
การแปลงป้ายทะเบียนเพื่อความชอบส่วนตัวไม่ว่าจะเป็น การตัดต่อ อัดกรอบให้มีความยาวมากกว่าปกติ การติดป้ายในแนวแหงนขึ้นหรือพับลง หรือมีวัสดุมาปิดทับจนมองไม่เห็นป้ายทะเบียน รวมไปถึงการทำขึ้นมาเองแบบดื้อๆ นอกจากจะผิดกฎหมายแล้วประกันภัยรถยนต์ยังไม่รับคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นด้วยนะครับ
เปลี่ยนท่อเสียใหม่
เสียท่อเดิมมันไม่เร้าใจ! เลยโมรถโดยการแปลงท่อเสียใหม่ซะเลย จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นท่อไอเสียไซส์ไหนจะต้องมีท่อพัก และปล่อยควันออกทางท้ายรถเท่านั้นนะครับ ห้ามออกด้านข้างตัวถังเด็ดขาด แต่ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ได้ระบุไว้ว่า หากวัดระดับเสียงท่อไอเสียด้วยเครื่อง Sound level Meter แล้วเสียงดังเกิน 100 เดซิเบล ถือว่าผิดกฎหมายทันทีและประกันภัยไม่คุ้มครอง
ดัดแปลงไฟรอบรถยนต์
ไฟหน้ารถสีที่ถูกต้องจะต้องเป็นสีเหลืองอ่อนและสีขาวเท่านั้น ส่วนความเข้มของแสงจะต้องไม่เกิน 55 วัตต์ และติดตั้งสูงจากผิวถนนไม่น้อยกว่า 40 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 135 เซนติเมตร รูปแบบการกระจายของแสงจะต้องอยู่ในระดับตรงช่องจราจร และไม่รบกวนสายตาผู้ขับขี่ผู้อื่น
- ไฟหยุดหรือไฟเบรก จะต้องเป็นสีแดง
- ไฟเลี้ยว จะต้องเป็นสีอำพันโดยติดที่ด้านหน้า 2 ดวง และด้านท้าย 2 ดวง
- ไฟส่องป้ายทะเบียน จะต้องเป็นสีขาวเพื่อให้มองเห็นได้ไกลไม่น้อยกว่า 20 เมตร
- ไฟซีนอนที่กำลังแรงสูงถือว่าผิดกฎหมาย เพราะเป็นการรบวนสายตาผู้ขับขี่ผู้อื่น
ดัดแปลงเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น
การเพิ่มเทอร์โบชาร์จเจอร์หรือไนตรัสออกไซด์ลงในเครื่องยนต์ เพื่อเพิ่มรอบเครื่องยนต์ถือว่าเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งผิดกฎหมายและบริษัทประกันไม่รับพิจารณาคุ้มครองในทุกกรณี
เปลี่ยนสีรถทั้งคัน
เปลี่ยนสีรถบ่อยเหมือนเปลี่ยนสีผมแบบนี้จะต้องแจ้งกับกรมขนส่งภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่เปลี่ยนสี หากไม่แจ้งถือว่าผิดกฎหมายมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และหลุดการคุ้มครอบจากประกันภัยรถยนต์ทันที ซึ่งหากต้องการที่จะเปลี่ยนสีรถในส่วนของกระโปรงหน้าหรือกระโปรงหลังให้เป็นสีอื่นจะต้องแจ้งด้วยนะครับ เพราะเป็นการเปลี่ยนสีตัวรถมากกว่า 30% ของพื้นที่รถยนต์ทั้งหมด แต่หากเปลี่ยนสีรถเพียงบางจุดไม่เกิน 30% ของพื้นที่รถยนต์ทั้งหมดก็ไม่จำเป็นต้องแจ้ง
โหลดต่ำหรือยกสูง
โดยตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 รถยนต์สามารถโหลดเตี้ยได้ แต่ไฟหน้าจะต้องอยู่กึ่งกลางกับระดับพื้นถนนได้ไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร ถ้าต่ำกว่านี้ถือว่าผิดกฎหมายและประกันภัยไม่คุ้มครองอีกด้วย ทั้งนี้ก็สามารถปรับรถยนต์ให้ยกสูงได้เช่นกัน แต่วัดระยะกึ่งกลางของไฟหน้ากับระดับพื้นถนนต้องไม่สูงกว่า 135 เซนติเมตร ถ้าสูงเกินกว่านี้ก็ถือว่าผิดกฎหมายครับ
ล้อล้นเกินบังโคลน
ใส่ยางรถยนต์แล้วล้นเกินออกนอกบังโคลนหรือใส่ล้อใหญ่ เมื่อขับออกถนนทำให้รถคันอื่นต้องเบี่ยงรถยนต์ออกจากเลนถนนแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมายในข้อหานำรถที่มีสภาพไม่ได้มาตรฐานมาใช้งาน ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นที่ใช้เส้นถนน หากจะถามว่าในกรณีล้อล้นแบบนี้ผิดกฎหมายอย่างไร? ก็เพราะทำให้ผู้ขับขี่กะระยะผิดหรือล้อไปเกี่ยวหรือชนกับรถคันอื่นได้นั่นเองครับ นอกจากผิดกฎหมายอีกด้วย
บทลงโทษ
การดัดแปลงสภาพรถก่อให้เกิดอันตราย ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนหรือบุคคลอื่น มีโทษปรับ 2,000 บาท อย่างไรก็ตาม หากต้องการแต่งรถให้สวย-หล่อยังไง ก็ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งไม่ก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อตนเองและเพื่อนร่วมทาง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายๆ คนที่มีเหตุจำเป็นต้องแต่งรถยนต์ เช่น ซ่อมแต่งสี เปลี่ยนอะไหล่ เปลี่ยนล้อรถยนต์เพื่อต่ออายุการใช้งาน ซึ่งนอกเหนือจากการแต่งรถเพื่อสวยงาม หรือเแต่งซิ่งต่างๆ ตามที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น ในส่วนนี้เราสามารถอัปเดตข้อมูลรถกับประกัน และขนส่งทางบกตั้งแต่ตอนก่อนต่อ พรบ.ได้ครับ!