เผย 5 สิ่งที่ต้องเช็ค หลังขับรถลุยน้ำท่วม รถจะได้ไม่พัง
ถึงแม้ว่าจะขับรถลุยน้ำท่วมไปได้ เครื่องไม่ดับกลางทาง ขึ้นชื่อว่า ขับรถลุยน้ำท่วม ก็มีแต่ข้อเสียที่จะเกิดขึ้นกับระบบการทำงานต่างๆ ของรถยนต์ โดยเฉพาะการลุยน้ำที่มีระดับสูงเกินครึ่งล้อ ก็จะมี 5 สิ่งที่ต้องเช็ค เพื่อให้รถไม่พังหลังขับลุยน้ำท่วมขังมาแล้ว
1. ระบบเบรก
- สิ่งที่ต้องทำทันทีหลังลุยน้ำแล้ว คือ การย้ำเบรกขณะรถกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ อย่างน้อย 2-3 ครั้ง หรือจนกว่าเบรกจะกลับมาเป็นปกติ เนื่องจากน้ำที่เกาะอยู่บนจานเบรกจะส่งผลให้รถเบรกไม่อยู่ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้หากใช้ความเร็วสูง
2. ของเหลวในห้องเครื่องยนต์
- หลังจากขับรถถึงจุดหมายแล้ว ควรเช็กของเหลวต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ฯลฯ หากพบว่าน้ำมันมีสีขุ่นคล้ายชานม แสดงว่ามีน้ำเล็ดลอดเข้าไปในระบบ ควรรีบนำรถเข้ารับการซ่อมแซมโดยทันที
3. เฟืองท้ายและจุดอัดจาระบี
- กรณีรถกระบะหรือรถขับเคลื่อนล้อหลัง ควรนำรถเข้ารับการตรวจเช็กเฟืองท้าย เพลา และจุดอัดจาระบีต่างๆ เนื่องจากหากจาระบีสัมผัสกับน้ำ จะทำให้ประสิทธิภาพการหล่อลื่นลดลง รวมถึงน้ำอาจซึมเข้าไปยังชุดเพลา เฟืองท้าย อาจทำให้เกิดความเสียหายได้หากฝืนใช้งานต่อ
4. ลูกปืนล้อ
- โดยปกติแล้ว ลูกปืนล้อ หากถูกแช่น้ำนานๆ อาจต้องทำใจไว้ ลูกปืนจะพังเร็ว สังเกตอาการได้จากเสียง ลูกปืนล้อจะดังขึ้นเวลาวิ่งความเร็วสูงๆ เพราะจารบีที่คอยหล่อลื่นภายในลูกปืนได้หายไปกับน้ำ หรืออาจจะเสื่อมคุณภาพแล้วเมื่อถูกน้ำ แต่ถ้าเป็นการขับรถวิ่งผ่านน้ำเฉยๆ จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่อย่างไรก็ควรเช็คอาการกันไว้ก่อน
5. ระบบปรับอากาศ
- ขับรถลุยน้ำขังบ่อยๆ อาจทำให้น้ำเข้ามาในรถแบบไม่รู้ตัว จนเกิดเป็นความชื้น ส่งกลิ่นเหม็นสาปภายในรถยนต์ ถึงแม้รถเราจะไม่ได้จมน้ำ แต่กลิ่นไม่พึงประสงค์นี้ก็ไม่ได้ทำให้รถเราต่างอะไรออกไป ฉะยั้ยเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจน้ำท่วมอย่าลืม ไปหาโอกาสกำจัดกลิ่นในระบบแอร์บ้าง
ซึ่งท้ายนี้ เราก็จะขอเตือนว่า ผู้ใช้รถควรหลีกเลี่ยงการขับลุยน้ำตั้งแต่ต้น เว้นแต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ หลังลุยน้ำเรียบร้อยแล้วก็ควรเช็กรถตามที่แนะนำไว้ข้างต้น จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามในระยะยาวได้ครับ