ปัญหาปวดหัว ผ่อนรถไม่ไหว ทำอย่างไรดี ?
ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าเริ่ม “ผ่อนรถไม่ไหว” จะกลับตัวก็ไม่ได้ จะให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง สิ่งแรกที่ควรทำคือ ตั้งสติให้มั่นแล้วคิดหาทางออก ซึ่งมีให้เลือกหลายทางตามความเหมาะสมของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น ขายดาวน์รถให้กับคนอื่น คืนรถให้ไฟแนนซ์ และรีไฟแนนซ์ เพื่อลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่องวด และวิธีสุดท้ายคือเจรจาขอผ่อนผัน
1. รีไฟแนนซ์รถยนต์ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่
วิธีแก้ไขปัญหาผ่อนรถยนต์ไม่ไหววิธีการแรกเลยก็คือ “การรีไฟแนนซ์รถยนต์” ซึ่งวิธีการนี้ควรรีบดำเนินการก่อนที่คุณจะเริ่มค้างชำระ เพื่อรักษาประวัติเครดิตในการผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ โดยอาจขอรีไฟแนนซ์กับไฟแนนซ์เดิม หรือรีไฟแนนซ์ไปไฟแนนซ์ใหม่ก็ได้ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการรีไฟแนนซ์ คือ “ลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่องวดลง” ดังนั้นการรีไฟแนนซ์จะช่วยทำให้มีเงินมาชำระค่างวดรถได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น หรือแม้จะเป็นการกู้จากที่ใหม่มาโปะที่เก่าก็ตาม
เนื่องจากการรีไฟแนนซ์รถยนต์คุณจะได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำลงและมีระยะเวลาในการผ่อนชำระที่นานขึ้น หรือเรียกง่ายๆ ว่าการรีไฟแนนซ์คือการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ที่จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องโดนยึดรถ แถมไม่ต้องเสียเครดิตเรื่องค้างชำระค่างวดรถอีกด้วย ซึ่งก็เหมือนกับการ “รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ คอนโด” นั่นเอง
2. “เจรจาประนอมหนี้” ทางออกดีๆ ที่ลูกหนี้ควรรู้
การประนอมหนี้ เจรจาผ่อนผัน หรือ พักหนี้กับทางสถาบันการเงิน เป็นอีกหนึ่งในทางออกหากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อตกลงเดิมได้ โดยเป็นการเจรจาข้อตกลงเรื่องหนี้สินกับเจ้าหนี้ เช่น ลดหย่อน ผ่อนผัน หรือเปลี่ยนข้อตกลง ซึ่งส่วนใหญ่การประนอมหนี้ เหมาะกับลูกหนี้ที่มีภาระหนี้ไม่เยอะ และมั่นใจว่าจะผ่อนไหวจนหมดเท่านั้น หรือเป็นมาตรการเยียวยาลูกหนี้ (ชั้นดี)
ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้ตามปกติ เช่น ให้ลูกหนี้ชำระเฉพาะในส่วนของดอกเบี้ยไปก่อนแต่ยังคงเงินต้นไว้ หรือ ปรับลดค่างวดรถ ยืดระยะเวลาในการผ่อนรถออกไป เป็นต้น ฉะนั้นเมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าผ่อนรถไม่ไหว ให้รีบติดต่อไปเจรจาตรงๆ กับเจ้าหนี้ให้ไวที่สุด อย่าค้างค่างวดรถเป็นอันขาด
3. ขายดาวน์และเปลี่ยนสัญญาผู้ซื้อ
การขายดาวน์รถยนต์ต่อไปให้กับคนอื่น จะช่วยทำให้ผู้ที่มีปัญหาผ่อนรถต่อไม่ไหวไม่ต้องติดหนี้และเสียประวัติในการผ่อนชำระ เนื่องจากผู้เช่าซื้อรถคนใหม่ จะรับหน้าที่ในการผ่อนชำระค่างวดรถต่อจากนั่นเอง จากนั้นก็หารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ราคาถูกลงมาใช้ หรืออาจเปลี่ยนไปใช้รถโดยสารสาธารณะแทนในช่วงที่ยังชักหน้าไม่ถึงหลัง
ทั้งนี้ผู้ซื้อจะจ่ายเงินดาวน์ให้ในราคาที่ตกลงกันไว้ จึงไม่ต้องกลัวไฟแนนซ์จะมายึดรถเพราะค้างชำระค่างวด ซึ่งมีทั้งนำเงินก้อนมาชำระค่ารถให้กับผู้ขายตามที่ตกลงกัน รวมทั้งปิดยอดเช่าซื้อที่เหลือทั้งหมดกับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อหรือไฟแนนซ์ในคราวเดียว หรือจะเป็น ชำระค่ารถให้กับผู้ขาย ไม่มีเงินก้อนมาปิด และต้องการผ่อนต่อกับไฟแนนซ์ หลังจากนั้นให้คุณยื่นเรื่องขอเปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อรถยนต์กับทางสถาบันการเงิน ไฟแนนซ์หรือลีสซิ่งเพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ซื้อรายใหม่ และถ้าหากคุณสมบัติของผู้ซื้อไม่ติดปัญหาอะไร ก็สามารถดำเนินการเปลี่ยนสัญญาผู้ซื้อได้เลย
4. คืนรถยนต์
คืนรถยนต์ให้กับสถาบันการเงิน หรือ ไฟแนนซ์ ที่เป็นเจ้าหนี้ โดยนำรถที่อยู่ในสภาพใช้การได้ดีกลับไปคืนไฟแนนซ์ และจ่ายหนี้ที่ค้างอยู่จนถึงวันที่คืนรถทั้งหมด เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าขาดราคาและค่าขาดประโยชน์จากการที่ไฟแนนซ์เอารถไปขายต่อแล้วได้ราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ในสัญญา ดังนั้นเมื่อไหร่ที่รู้ตัวว่าผ่อนรถต่อไม่ไหวแล้ว ก็สามารถนำรถยนต์ไปคืนกับทางเจ้าหนี้ได้เลยทันที (สัญญาเช่าซื้อรถยนต์จะมีลักษณะพิเศษคือ ผู้เช่าซื้อสามารถบอกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อ) แต่ทั้งนี้คุณต้องไม่ค้างค่างวดใดๆ ทั้งสิ้น
Cr. Autospinn, setinvestnow