โดยปกติแล้ว คนส่วนใหญ่มักเติมน้ำมันกลับเข้าไปในถังเมื่อเข็มน้ำมันลดเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง (หลายคนคงปล่อยให้ต่ำกว่านั้น) แต่บางครั้งเราขับไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย น้ำมันก็ดันจะหมด แถมหาปั๊มข้างหน้าก็ไม่เจออีก ไฟเตือนน้ำมันก็สว่างวาบให้ใจระทึกแล้ว แต่ความจริงคุณยังอาจวิ่งได้อีกร่วม 100 กิโลเมตรเลยนะ
หากเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มักจะมีระบบแจ้งเตือนระยะทางคงเหลือจากปริมาณน้ำมันในถังมาให้ด้วย ซึ่งตัวเลขที่แสดงให้เห็นดังกล่าวมักออกแบบเผื่อไว้ให้ผู้ขับขี่เสมอ ดังนั้น ถึงแม้ว่าตัวเลขจะกลายเป็น 0 เป็นที่เรียบร้อย รถก็ยังสามารถวิ่งได้ต่อไปอีกสักระยะเพื่อให้คุณหาปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใกล้ที่สุดได้
แม้ว่าเข็มแสดงปริมาณน้ำมันจะแจ้งว่าน้ำมันรถของคุณเกลี้ยงถังไปแล้ว แต่ความจริงยังคงมีน้ำมันเหลืออยู่ราว 4-6 ลิตร ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ดังนั้น หากคำนวณอย่างคร่าวๆ ว่าถ้ารถคุณกินน้ำมันอยู่ที่ 15 กิโลเมตรต่อลิตร ก็จะสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางราว 15x6 = 90 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่หากเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องขับจอดอยู่เรื่อยๆ ตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้จะลดต่ำลงกว่านั้นมาก
ดังนั้น หากต้องการทราบระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้จริงๆ ควรดูจากไฟรูปหัวจ่ายน้ำมันจะดีกว่า โดยรถทันทีที่ไฟสว่างขึ้น นั่นแปลว่ายังมีน้ำมันในถังเหลืออยู่ประมาณ 8-11 ลิตร แล้วแต่รุ่นรถ (อ้างอิงตามผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา) ดังนั้น หากรถคุณมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 10 กม./ลิตร ก็จะสามารถขับต่อไปได้อีกประมาณ 80-110 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ระยะทางที่วิ่งได้จริงขึ้นอยู่กับสภาพจราจรและการขับขี่ในขณะนั้นด้วย หากเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องเหยียบคันเร่งบ่อย ก็จะทำให้ระยะทางสั้นลงเช่นกัน อย่างไรก็ดี หากเห็นว่าน้ำมันใกล้หมดก็รีบเติมเสียก่อน หากโชคร้ายขับไปเจอรถติด รับรองว่าอยู่ไม่สุขเป็นแน่เพราะฉะนั้นควรเช็คน้ำมัน้ชื้อเพลิงให้ดี ก่อนออกเดินทางกันด้วยนะครับ!