การล้างแอร์รถยนต์ควรทำบ่อยแค่ไหน!
การล้างแอร์รถยนต์ควรทำบ่อยแค่ไหน!

เมื่อไหร่ถึงต้องล้างแอร์รถยนต์?

    การล้างแอร์รถยนต์ควรกระทำทุกๆ 1-2 ปี หรือเมื่อผ่านการใช้งานทุกๆ 20,000 กิโลเมตร แต่กรณีมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบแอร์ที่เกิดจากสิ่งสกปรก เช่น มีกลิ่นเหม็นอับจากช่องแอร์ หรือลมแอร์เบากว่าปกติ การล้างแอร์อาจช่วยแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้

     นอกจากนี้ การใช้งานของแต่ละบุคคลอาจส่งผลให้ระบบแอร์รถยนต์ตันเร็วขึ้น เช่น การใช้น้ำหอมระเหยดับกลิ่น, การใช้การบูรในรถ รวมถึงการนำรถไปใช้ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเป็นปริมาณมาก ทางที่ดีควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของระบบแอร์ และรีบดำเนินการแก้ไขก่อนจะลุกลามบานปลายไปจนถึงขั้นต้องเปลี่ยนคอยล์เย็นหรือตู้แอร์ ซึ่งการล้างแอร์อาจช่วยแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้เช่นกัน


การล้างแอร์รถยนต์ควรทำบ่อยแค่ไหน ล้างแบบไหนดี?


เราใช้ชีวิตอยู่ในรถยนต์หลายชั่วโมงต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน หรือไปพักผ่อนต่างจังหวัดในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ตาม ดังนั้นอากาศภายในรถจึงเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ รวมถึงฝุ่นละลองจาก PM 2.5 ที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามาจากการเปิด-ปิด ประตูหน้าต่าง ซึ่งฝุ่นละอองเหล่านี้จะเป็นตัวการที่ทำให้ระบบกรองอากาศในรถทำงานหนัก ส่งผลให้การทำงานของแอร์ทำงานเบากว่าปกติ หรือส่งกลิ่นเหม็นอับเนื่องจากมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันเป็นจำนวนมาก วันนี้เลดี้จะมาแนะนำวิธีล้างแอร์รถยนต์ให้สะอาด และทามไลน์ของการล้างว่าควรล้างบ่อยแค่ไหนถึงจะดีที่สุด 

แอร์รถยนต์ควรล้างตอนไหนดี?

ตามหลักการที่เหมาะสมเราควรจะล้างแอร์รถยนต์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือประมาณ 20,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งานรถยนต์ของคุณหนักหน่วงขนาดไหน หากเอาไปวิ่งทางวิบากที่มีฝุ่นคลุคลุ้งอยู่เสมอๆ อันนี้ก็ควรล้างปีละ 3-4 ครั้ง หรือมากกว่านั้น หรือถ้าคุณสังเกตเห็นอาการแปลกๆ ของการทำงานของระบบแอร์ อาทิ แอร์เริ่มเบาลง เริ่มส่งกลิ่น หรือมีแต่ลมร้อน อันนี้เลดี้แนะนำให้รีบล้างในทันทีไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานๆ 


แอร์รถยนต์ควรล้างแบบไหนดี?
วิธีการล้างแอร์รถยนต์มีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคุณเป็นหลัก โดยแบ่งออกเป็น 3 วิธี ดังต่อไปนี้ 

1. ล้างแบบถอดตู้ 

อันนี้จะเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้ล้างแอร์รถยนต์มาแต่นมนาน  โดยการถอดเอาตู้แอร์ แผงคอยล์เย็น แผงคอยล์ร้อน นำออกไปล้างทั้งหมด ซึ่งข้อดีก็คือ สามารถทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม สะอาดเหมือนใหม่ แต่ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกันคือ คุณต้องให้ผู้ที่เชี่ยวชาญ หรือร้านแอร์เป็นผู้ถอดและล้างทำความสะอาด เพราะการรื้อออกไม่เท่ากับการใส่กลับเข้าไปใหม่แบบเดิม ซึ่งหากทำผิดก็อาจเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นได้ 

2. ล้างแบบไม่ถอดตู้ 

สำหรับวิธีนี้เป็นการวิวัฒนาการของเทคโนโลยี โดยการสอดอุปกรณ์พ่นทำความสะอาดเข้าไปภายในช่องแอร์รถยนต์ ข้อดีก็คือคุณไม่จำเป็นต้องที่จะต้องรื้อถอดตู้แอร์ออกมา และสามารถทำได้ง่ายด้วยตัวเองที่บ้าน แต่ข้อเสียก็คือ คุณต้องมีอุปกรณ์ล้างแอร์โดยเฉพาะ มีความรู้ในการทำความสะอาดแอร์อยู่บ้าง และการทำความสะอาดแบบนี้สามารถทำความสะอาดได้เพียง 80% ส่วนอีก 20% จะยังคงตกค้างอยู่ 

3. ล้างด้วยตนเอง 

เป็นวิธีที่ประหยัดเงินในการล้างแอร์รถยนต์มากที่สุด สามารถทำเองได้ และไม่จำเป็นต้องเข้าศูนย์บริการ หรือร้านล้างแอร์โดยเฉพาะ  โดยการใช้สเปรย์ทำความสะอาดแอร์รถยนต์ฉีดเข้าไปบริเวณช่องแอร์ ข้อดีก็คือ ง่ายต่อการทำความสะอาด ล้างได้มากเท่าที่ต้องการ แต่ข้อเสียก็คือ กำจัดเจ้าสิ่งสกปรกออกได้ไม่ดีมาก คุณอาจจะต้องใช้ปริมาณที่มาก และใช้ความถี่สูง หากต้องการล้างให้สะอาดเหมือนใหม่  

 

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง