5 สัญญาณเตือน เปลี่ยนยางเมื่อไหร่ดี? วิธีสังเกตอาการยางหมดสภาพ
5 สัญญาณเตือน เปลี่ยนยางเมื่อไหร่ดี? วิธีสังเกตอาการยางหมดสภาพ

อายุการใช้งานของยางรถยนต์

หากยางรถยนต์มีอายุการใช้งานครบ 6 ปี นับจากวันผลิต หรือมีความลึกดอกยางน้อยกว่า 3 มม. หรือใช้งานมาประมาณ 40,000-50,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนยางโดยทันที รวมถึงยางอะไหล่ที่ควรตรวจสอบและเปลี่ยนทันที โดยไม่ต้องคำนึงถึงการสึกของดอกยางแต่อย่างใด


เมื่อไหร่ต้องเปลี่ยนยาง?
ยางรถยนต์ทุกชนิด ทุกเกรด และทุกประสิทธิภาพ ล้วนแล้วแต่มีวันที่จะเก่าและเสื่อมลงตามกาลเวลา เพราะการวิ่งบนถนนหลากหลายรูปแบบ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการใช้งานในเรื่องของลักษณะการขับขี่ รวมถึงอุณหภูมิเขตร้อนชื้นของประเทศไทย ส่งผลต่อเนื้อยาง หน้ายาง และดอกยาง ผลกระทบเหล่านั้นสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ดังนี้

1. เติมลมยางบ่อยครั้ง ยางอ่อนเร็วผิดปกติ
หากพบว่าต้องเติมลมยางบ่อยครั้งหรือลมยางอ่อนเร็วผิดปกติ นี่คือสัญญาณหนึ่งที่บอกว่า ยางรถยนต์ ของเรามีความผิดปกติแล้วล่ะ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจจะเกิดจาก “ยางรั่วซึม” หรือ รวมไปถึง “ยางรถหมดสภาพ” ก็ได้เช่นกัน เช่น ยางมีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีแล้ว แน่นอนว่าปัจจัยหลักๆ มาจาก ยางยางเสื่อมสภาพนั่นเอง เนื่องจากยางของเราจะเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา ส่งผลให้โครงสร้างยางอ่อนแอลง มีโอกาสเกิดการรั่วซึมได้จากของแหลมมีคมต่างๆ บนพื้นผิวถนน นอกจากนี้ ยางที่หมดสภาพยังอาจส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ได้อีกด้วย

2. การยึดเกาะถนนแย่ลง ไม่ดีเท่าที่ควร
แน่นอนว่า เมื่อยางเสื่อมสภาพ เนื้อยางจะเริ่มแข็งขึ้น กระด้างขึ้น ตามธรรมชาติของยาง รวมถึงความสึกของดอกยางที่ลดลงแรงเสียดทานระหว่างยางกับพื้นถนนลดลง โดยเฉพาะบนพื้นผิวถนนที่เปียกหรือลื่น เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น รถลื่นไถล เบรกไม่อยู่ เสียการควบคุมรถ เป็นต้น

3. เสียงยางหอน ตอนรถวิ่ง
เสียงยางหอนตอนรถวิ่ง อาจเกิดจากสาเหตุได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการเสื่อมสภาพ ยางรถยนต์ โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 3-5 ปี หากใช้งานมานานเกินไป เนื้อยางอาจเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานแล้ว ส่งผลให้ยางหอนเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ลักษณะของเสียงหอนจากยางจะคล้ายกับเสียงเครื่องบินหรือรถโฟวิลวิ่งอยู่ข้างๆ จนบางครั้งดังเข้ามาในห้องโดยสาร

4. ดอกยางสึกไม่เท่ากัน
โดยปกติแล้วดอกยางของล้อคู่หน้ากับล้อคู่หลังจะสึกไม่เท่ากัน โดยเฉพาะยางของล้อคู่ที่เป็น “ล้อขับเคลื่อน” จะสึกหรอเร็วกว่ายางล้อคู่ที่ทำหน้าที่หมุนตาม ซึ่งการสึกหรอที่แตกต่างกันนี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากพบว่าดอกยางสึกหรอไม่เท่ากันมากจนผิดปกติ เป็นบั้งๆ หรือสึกเป็นก้อนๆ ไม่สม่ำเสมอ อาการเหล่านี้กำลังบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพ ว่า “ยางรถเสื่อมสภาพ” แนะนำว่าเราควรจะสลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เพราะถ้าไม่สลับยาง จะมีผลต่อความสึกหรอที่ไม่เท่ากันของยางทั้ง 4 เส้นได้ หากไม่แน่ใจว่าจะสลับยางอย่างไรให้ถูกวิธี หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาดอกยางสึกไม่เท่ากัน สามารถปรึกษาช่างผู้ชำนาญ ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ดันลอปช็อป ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ

5. ยางแข็งกระด้าง
ยางแข็ง หมายถึง อาการที่หน้ายางของรถยนต์สูญเสียความยืดหยุ่นและความนุ่มนวลลง เป็นผลมาจากอายุการใช้งาน ขาดการดูแลอยู่เป็นประจำ เช่น การจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน ทำให้หน้ายางหมดอายุ เริ่มแข็ง และระยะเบรกไม่ดีเหมือนเคย อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ โดยเบื่องต้นเราสามารถเช็คได้ง่ายๆ เพียงแค่ สังเกตุเบื้องต้น จากรอยแตกร้าวลายงา ในร่องดอกยาง และบริเวณแก้มยาง ที่เป็นสัญญาณบอกว่า ยางเริ่มสึกหรือหมดอายุ แสดงว่าหน้ายางหมดอายุแล้ว

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง