เผย 3 สาเหตุ ทำให้รถมือสองราคาร่วงหนักปี 2567 นี้
เผย 3 สาเหตุ ทำให้รถมือสองราคาร่วงหนักปี 2567 นี้

3 สาเหตุ ทำให้รถมือสองราคาร่วงหนักปี 2567 นี้


1.มีรถถูกยึดจำนวนมาก

ตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา มีปริมาณรถถูกยึดทั้งสิ้นราว 250,000 - 300,000 คัน อันเป็นผลมาจากมาตรการพักชำระหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สิ้นสุดลงเมื่อปลายปี 2566 ส่งผลให้ลูกหนี้บางส่วนผ่อนต่อไม่ไหว ยอมปล่อยให้สถาบันการเงินยึดรถกลับไป

รถที่ถูกยึดทั้งหมดจะถูกส่งไปลานประมูลต่างๆ โดยผู้ที่ซื้อรถจากลานประมูลส่วนมากจะเป็นเต๊นท์รถมือสองนั่นเอง จากเดิมที่รถถูกยึดในแต่ละปีจะอยู่ที่ราว 150,000 - 180,000 คัน กลายเป็นว่าปี 2566 มีรถเข้าลานประมูลสูงถึงเกือบ 3 แสนคัน ส่งผลให้ปริมาณรถมือสองล้นตลาด ผู้ประกอบกิจการรถมือสองจำเป็นต้องกดราคาขายให้ต่ำไป บางเต็นท์อาจถึงขั้นต้องยอมปล่อยขาดทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจให้ยังคงดำเนินต่อไปได้


2. ตลาดป้ายแดงแข่งขันสูง

ความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ถือเป็นตัวซ้ำเติมที่ทำให้ตลาดรถยนต์มือสองซบเซา เนื่องจากการแข่งขันกันอย่างหนักด้วยกลยุทธ์ด้านราคาจำหน่ายที่หั่นราคากันแบบไม่ยั้ง สะเทือนไปถึงแบรนด์รถญี่ปุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปและไฮบริด ที่แม้ว่าจะไม่ได้ลงมาเล่นสงครามราคาเหมือนกับตลาด EV แต่ก็ต้องปล่อยโปรโมชันลดแลกแจกแถมเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้ หรือแม้แต่กรณีของ Toyota Corolla Cross ที่คงราคาจำหน่ายเท่าเดิมในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่แทบไม่เคยพบเห็นมาก่อนจากแบรนด์เจ้าตลาด

การแข่งขันอย่างหนักหน่วงนี้เองส่งผลให้ผู้ที่กำลังคิดจะซื้อรถยนต์มือสอง ยอมกัดฟันหันไปเล่นรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงที่มีโปรโมชันล่อตาล่อใจมากกว่า หากเทียบกันแล้วอาจจ่ายค่างวดเพิ่มเพียงไม่กี่บาท แลกกับการประหยัดค่าเชื้อเพลิงเพราะเปลี่ยนไปชาร์จไฟแทนการเติมน้ำมัน จึงทำให้ผู้ขายรถมือสองต้องยอมกดราคาเพื่อปล่อยรถออกจากมือโดยเร็วที่สุด


3.ไฟแนนซ์ปล่อยรถยากขึ้น

จากปัญหารถถูกยึดจำนวนมากในปี 2566 ที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้สถาบันการเงินต้องปรับเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อตามไปด้วย บางแหล่งข่าวระบุว่าลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อรถยนต์ 10 ราย จะได้รับการอนุมัติเพียง 2 รายเท่านั้น ส่งผลให้เต๊นท์ปล่อยรถได้ยากขึ้นกว่าเดิม บางรายจำเป็นต้องยอมขายขาดทุนให้มีสภาพคล่องเพื่อนำเงินที่ได้มาเป็นทุนในการซื้อรถคันใหม่นั่นเอง

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง