ใช้รถควรรู้! ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนทุกกี่กิโลเมตร?
ใช้รถควรรู้! ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนทุกกี่กิโลเมตร?

ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนที่มีอายุการใช้งานเช่นเดียวกับอะไหล่อื่นๆ โดยทั่วไปแล้วยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 4-5 ปี นับตั้งแต่ถูกใช้งานครั้งแรก หรืออ้างอิงตามระยะทางใช้งานประมาณ 50,000 - 80,000 กิโลเมตรขึ้นไป ขณะที่การรับประกันคุณภาพยางของผู้ผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรือ 2-4 ปี


1. ไหล่ยางหรือแก้มยางมีรอยปริแตก แสดงว่ายางมีอาการแข็ง เสื่อมสภาพ แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางใหม่แล้ว

2. ดอกยางหมด หากร่องดอกยางเหลือต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร ควรรีบเปลี่ยนยางทันทีเพื่อรักษาประสิทธิภาพในการรีดน้ำ มิเช่นนั้นจะเกิดอาการเหินน้ำได้ง่าย เสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

3. ยางมีเสียงหอนขณะเบรกหรือเข้าโค้ง แสดงว่าเนื้อยางเริ่มแข็ง จะทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลง ควรพิจารณาเปลี่ยนยางเส้นใหม่เมื่อมีโอกาส

4. หน้ายางหรือแก้มยางปูดบวม เกิดได้จากการกระแทกอย่างรุนแรง หากปล่อยทิ้งไว้จะมีโอกาสยางระเบิดที่ความเร็วสูงได้

5. ยางสึกหรอผิดปกติ เช่น กินยางด้านนอกหรือด้านใน เกิดจากความผิดปกติของช่วงล่าง หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดความเสี่ยงต่อการระเบิดขณะขับขี่ได้เช่นกัน

วิธีตรวจสอบวันที่ผลิตยางแต่ละเส้น
สามารถตรวจสอบวันที่ผลิตยางแต่ละเส้นได้ด้วยตัวเอง โดยสังเกตตัวเลข 4 หลักบริเวณแก้มยาง ซึ่งมักจะอยู่ในกรอบรูปวงรี โดย 2 หลักแรกหมายถึงสัปดาห์ของปี และ 2 หลักสุดท้ายหมายถึงปี ค.ศ. ยกตัวอย่างเช่น 1224 หมายถึงยางเส้นนั้นอยู่ผลิตสัปดาห์ที่ 12 ของปี ค.ศ. 2024 


การประเมินสภาพเบื้องต้นก่อนการเปลี่ยนยาง

1. เช็กลมยาง 
ก่อนการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนยาง ควรตรวจเช็กลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือหากเป็นไปได้สามารถตรวจเช็กได้ทุกครั้งก่อนการเดินทาง

สำหรับวิธีการเช็กลมยางสามารถทำได้ด้วยการใช้เปิดจุกยางรถยนต์ออก แล้วใช้เกจ์วัดลมเสียบเข้ากับก้านวาล์ว หากได้ยินเสียงลมแสดงว่ายังไม่ถูกต้อง ให้ถอดและเสียบเข้าไปใหม่จนกว่าจะไม่ได้ยินเสียงลมหรืออากาศเล็ดลอด หลังจากนั้นปล่อยทิ้งไว้ซักครู่ ตัวเลขที่หน้าปัดจะแสดงผล

สำหรับความดันของยางรถยนต์ที่เหมาะสม สามารถดูได้จากคู่มือประจำรถ, ขอบประตูฝั่งคนขับ หรือฝาครอบถังน้ำมัน มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิด และประเภทของรถ หากน้อยกว่าค่าความลมยางที่แนะนำสามารถเติมลมยางเข้าไปได้ แต่ถ้าหากเติมเข้าไปแล้ว ตัวเลขยังลดลงเรื่อย ๆ นั่นหมายความว่ายางของคุณอาจมีรอยรั่ว ควรปะยาง หรือเปลี่ยนยางรถยนต์ทันที

2. เช็กความลึกของดอกร่องยาง
สำหรับความลึกของดอกร่องยางเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นเรื่องของความสึกหรอของยางรถยนต์ โดยคุณสามารถตรวจสอบเองได้ง่ายๆ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจในการเปลี่ยนยางได้ถูกต้อง ปกติแล้วควรตรวจเช็กตามระยะทาง ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร โดยอุปกรณ์ที่ใช้ ก็สามารถใช้ของที่หาในบ้านได้ง่ายๆ อย่าง เหรียญ หรือ ไม้จิ้มฟัน แต่ถ้าให้ดีควรใช้เครื่องมือวัดความลึกร่องดอกยางโดยเฉพาะ เพื่อความแม่นยำ ซึ่งการใช้อุปกรณ์ที่วัดความลึกร่องดอกยาง สามารถทำได้ตามวิธีดังต่อไปนี้

เลื่อนปุ่มสีดำ ยืดเข็มวัดให้สุด
จิ้มอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัด ไปบนตำแหน่งที่เป็นร่องยางที่ลึกที่สุด เทียบกับความสูงของยางด้านบนสุดถ้าความลึกของร่องดอกยางต่ำกว่า 2 มม. แสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนยาง
ยางรถยนต์ที่มีความลึกดอกร่องยางเหลือน้อย อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น การเสียการควบคุมรถยนต์นขณะขับขี่ โดยเฉพาะสภาพพื้นถนนที่เปียก ควรเปลี่ยนยางเพื่อความปลอดภัย

3. เช็กความเสียหายของยาง
หลักๆ แล้วคุณสามารถตรวจสภาพของยางได้ง่ายๆ โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องนำรถยนต์ไปที่อู่ หรือไปที่ศูนย์เพื่อตรวจสอบ ด้วยการมองหารอยขีดข่วน หรือ ดูภาพรวมของยางรถยนต์ว่ามีลักษณะที่แข็งแรงเหมือนเดิมหรือไม่ หากดูมีความยวบยาบ หรือมีรอยของมีคม ควรนำไปเปลี่ยนยาง หรือปะยางโดยทันที
ทางที่ดีหมั่นเช็กสภาพยางรถยนต์ด้วยตัวเอง และให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลให้เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเป็นอันดีที่สุด


 

 

Share:
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง