ทุกวันนี้อากาศบ้านเราก็ร้อนเหลือเกิน ยิ่งถ้าใครใช้รถเก่าๆ ก็จะรู้เลยว่าระบบแอร์รถยนต์ส่วนมากก็มักจะสู้แดดบ้านเรากันไม่ค่อยไหว (ถ้าไม่ลงทุนทำระบบแอร์ใหม่ให้สมบูรณ์) และระบบแอร์ต้องทำงานค่อนข้างหนักในหน้าร้อน รถแทบทุกคัน (ไม่เว้นแม้แต่รถสาธารณะ) จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดฟิล์มกรองแสง เพื่อให้อากาศในรถร้อนน้อยลงนั่นเอง
การที่เราเลือกซื้อฟิล์มรถยนต์ ในท้องตลาดก็มีให้เลือกกันอยู่หลายประเภทมากมาย สารพัดยี่ห้อ แต่แบบไหนจะถูกใจคุณบ้าง Siamcar จะมาแนะนำกันในวันนี้ครับ
1. ฟิล์มดำ
อันนี้จัดเป็นฟิล์มแบบดั้งเดิมเลย ย้อมด้วยสีดำอย่างเดียว ไม่มีสารป้องกันความร้อนอะไรเลย ฟิล์มประเภทนี้ราคาขายจะถูกมากๆ หลักร้อยหรือไม่กี่พัน ใช้ได้ไม่นานก็เสื่อมสภาพ
2. ฟิล์มปรอท
ฟิล์มชนิดนี้จะมีการเคลือบไอโลหะบนเนื้อฟิล์ม จุดเด่นคือเงา สะท้อนแสงสูง กันร้อนดี มีให้เลือกหลายสี ส่วนใหญ่มักกวนสัญญาณดิจิทัลภายในรถ
3. ฟิล์มใส
เป็นฟิล์มยอดนิยมของรถหรู มีความใส มองเห็นความสวยหรูในรถได้ และกันความร้อนได้ดีถึงดีมาก เพราะใช้เทคนิคการผลิตพิเศษกว่าฟิล์มทั่วๆ ไป จึงมีราคาค่อนข้างสูง
4. ฟิล์มเซรามิค
เป็นฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีสารพัดยี่ห้อ สีภายนอกเข้มแต่สว่างใน สะท้อนแสงต่ำ ให้วิสัยทัศน์ดีทั้งกลางวัน-กลางคืน และไม่ปิดกั้นของสัญญาณดิจิทัล ถ้าของฟิล์มของแท้จะมีราคาสูงพอสมควร
การผลิตฟิล์มใช้เทคนิคแบบ Magnetron Sputtering ทำให้อนุภาคเซรามิคฝังเข้าไปในเนื้อฟิล์ม 100% หรือผสมสารอื่นเข้าไป เช่น แพตทินัม โลหะเงิน, ทอง ซึ่งกันความร้อนได้ดีเยี่ยม
5. ฟิล์มชาโคล
จัดเป็นฟิล์มคุณภาพสูง ที่พัฒนาจากฟิล์มคาร์บอน และฟิล์มเซรามิคในปัจจุบัน มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับฟิล์มเซรามิค ทั้งเทคโนโลยีการผลิต สี การกันร้อนดี สะท้อนแสงต่ำ ภายนอกเข้ม ภายในใส
โดยฟิล์มเซรามิค ค่อนข้างมีราคาที่ย่อมเยาว์กว่าฟิล์มเซรามิค แถมได้ประสิทธิภาพที่ดีไม่แพ้ฟิล์มเซรามิคมากนัก
6. ฟิล์มนิรภัย
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ฟิล์มนิรภัย มีความหนากว่าฟิล์มทั่วไป ที่ปกติจะหนาไม่เกิน 1.5 มม. แต่ฟิล์มนิรภัยจะหนาไม่น้อยกว่า 4-16 มม. เหนียว ทนทานกว่าหลายเท่า กันความร้อนได้ดี
และยังเพิ่มความปลอดภัยต่อทรัพย์สิน หรือคนนั่งในรถอีกด้วย ต้องทุบกันอยู่หลายครั้งกว่ากระจกจะแตก แต่ราคาจะค่อนข้างแพงหน่อย
7. ฟิล์มดิจิทัล
เป็นฟิล์มยอดฮิตในยุคปัจจุบัน มีจุดเด่นในการรองรับสัญญาณดิจิทัลทั้ง 5G /WIFI เต็มรูปแบบ ที่รถรุ่นใหม่ๆ ที่มีฮาร์ดแวร์ หรือใช้ระบบชิปประมวลผล AI อาทิ ระบบ Infotainment / AR HUD / ADAS / IoT / Android Automotive OS / OTA (Over The Air) เป็นต้น ช่วยให้ระบบทำงานได้ง่ายขึ้นโดยไม่รบกวนสัญญาณ
ซึ่งฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบต่างๆ คุณสามารถเลือกระดับความเข้มของเนื้อฟิล์มได้ ส่วนมากมีทั้ง 40-60-80 ยิ่งตัวเลขสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเข้มขึ้นเท่านั้น
แต่ทั้งนี้ก็ไม่เสมอไป ฟิล์มกรองแสงบางยี่ห้อ ค่าความเข้มอาจอ่อนหรือเข้มกว่าความเป็นจริง +- ประมาณ 10% แต่ตัวเลข 40-60-80 ก็ยังเป็นที่นิยมเรียก เพราะเข้าใจง่ายทั้งผู้ขายและผู้ซื้อนั่นเอง
และยังมีฟิล์มให้เลือกหลายสีด้วยกัน ตั้งแต่สีฟ้า สีเขียว สีชา สีเทา หรือสีดำ ตามความชอบครับ
แหล่งที่มาบางส่วนจาก
- Lamina Films